Please wait...

E-catalogue
สายด่วน
0
Loading...
0
คุณไม่มีรายการสินค้าในตะกร้าของคุณ
0 สินค้าในตะกร้า
ยอดรวมรถเข็น : 0
×
JenStore by Jenbunjerd可信赖工具柜和工具设备领先者

JenStore by Jenbunjerd可信赖工具柜和工具设备领先者JenStore是生产和销售 ToolMax 品牌的多种工具设备。公司提供多样化产品,涵盖工具柜、移动工具柜、零件柜、储物柜、工作台、工具椅等,深受市场信赖。产品选用优质材料,坚固耐用,使用寿命长,适用于各类工业企业。同时,我们还提供完善的售后服务,确保客户无后顾之忧,快速响应您的需求。 工具柜ToolMax 品牌的多功能工具柜采用坚固的钢结构制造,现代设计,适用于各种维修和维护工作。工具柜方便工具的存放和使用,坚固耐用,具有良好的承重能力。产品包括移动工具柜、工具推车以及工具挂板,适合工具的存放和搬运。高质量的工具柜不仅能提高工作效率,还能保护工具,防止丢失,并降低事故风险。 零件盒与零件柜对于各种零件,使用零件盒和零件柜可以简化管理和存储,提高工作效率并减少丢失。ToolMax 的零件盒有多种尺寸和颜色可选,并提供可分隔的设计,采用高质量塑料制成,坚韧耐用,方便悬挂和堆叠,节省存储空间。而零件柜采用厚钢板结构,有多种尺寸和储存格数,适合存放多种零件和部件,使存储更加有序。 工作台和工具椅优质的工作台和工具椅可以提升工作效率,符合人体工程学的设计有助于提高灵活性、安全性,并减少工作中的受伤风险。ToolMax 的工作台有多种款式,台面厚实,承重力强,抗冲击,配有工具挂板,便于工具的存取。此外,我们还提供不锈钢工作台,适用于实验室、冷库、食品和制药工厂等化学品和潮湿环境。工具椅则有带靠背和带轮的选择,便于移动。 高质量的产品与专业的售后服务JenStore by Jenbunjerd提供超过10,000种产品,涵盖所有工业所需设备。凭借40多年服务经验,我们已赢得超过40,000名客户的信任。产品种类齐全,符合各种行业的需求,涵盖存储、提升、搬运、安全设备、建筑设施、办公家具以及服务行业设备等。我们提供专业的售后服务,拥有备用零件库存,确保您的设备始终处于最佳状态。我们的快速响应服务团队将确保您的业务顺畅运行,消除您的后顾之忧。 如需了解详情或订购,请联系目录销售部。☎️ 02-096-9999 (200 热线)🤳🏻 www.jenstore.com 的实时在线聊天📧 [email protected]📲 LINE官方账号: @jenstore或者 https://bit.ly/49XGlYp🗓 周一到周五 (8.30-17.30 น.)

2024-10-21
JenStore by Jenbunjerd泰国第一物料搬运设备品牌的领先者

JenStore by Jenbunjerd泰国第一物料搬运设备品牌的领先者Jenstore 是生产和销售 JUMBO 品牌存储、提升、搬运设备的厂家,获得了由泰国政府通过国际贸易促进部颁发的 "Thailand Trust Mark" 特殊使用权。这一标志表明泰国产优质手推车的可信赖性和高品质。产品范围涵盖了广泛的常规和工业用途设备,包括手推车、托盘搬运车、电动搬运车、升降平台车、电动牵引车、油桶搬运车等。 多功能四轮手推车JUMBO 手推车由汽车级钢材制造,坚固耐用,满载情况下底板不会弯曲,且推行顺畅省力,采用高质量轮胎不伤地面。产品已出口至全球30多个国家,拥有多种款式的手推车可供选择,如钢板手推车、不锈钢手推车、塑料手推车、多利手推车、电动手推车、用于工厂和仓库的重载手推车,以及服务型手推车,如购物车、清洁手推车、收盘手推车、酒店手推车、医用手推车等。此外,还可以根据客户需求定制各种尺寸和材质的钢制或不锈钢手推车。 托盘搬运车Jumbo by Xilin 品牌的托盘搬运车自推出20年以来,深受国内外用户的信赖。Jumbo 手动搬运车和配备锂电池电动搬运车可根据实际使用场景均有多款型号可选。产品坚固和耐用,货叉可根据货物不同载重可选,适用于工厂、仓库、运输物流及工业等多领域。 升降平台车Jumbo by Xilin 升降平台车是一种省力设备,台面平整或带滚筒,用于提升重物,提升高度可达1米。带有灵活的万向轮和安全刹车装置,确保操作安全。Jumbo 品牌的升降平台车有多种型号,包括脚踏式和电动式,平面台面和滚筒台面,以及钢制和不锈钢材质台面,质量可靠,是泰国物料搬运设备的首选品牌。 高质量的产品与专业售后服务JenStore by Jenbunjerd 提供超过10,000种工业设备及工具,拥有40多年服务经验,赢得了40,000多位客户的信任。产品种类丰富,符合各种行业的需求,包括物料搬运设备、仓储设备、工具设备、安全设备、建筑设施工具、办公家具、服务行业设备等。凭借获得多个质量认证和奖项的 Jumbo 品牌,您可以对产品质量充满信心。我们还提供专业售后服务,拥有备用零件库存,确保您的设备保持最佳状态,并提供迅速的服务支持,让您的业务无忧运行。 如需了解详情或订购,请联系目录销售部。☎️ 02-096-9999 (200 热线)🤳🏻 www.jenstore.com 的实时在线聊天📧 [email protected]📲 LINE官方账号: @jenstore或者 https://bit.ly/49XGlYp🗓 周一到周五 (8.30-17.30 น.)

2024-10-21
เปรียบเทียบ เก้าอี้ Ergonomic vs เก้าอี้เกมมิ่ง vs เก้าอี้สำนักงานทั่วไป

เปรียบเทียบ เก้าอี้ Ergonomic vs เก้าอี้เกมมิ่ง vs เก้าอี้สำนักงานทั่วไปในการนั่งทำงานของผู้คนโดยเฉพาะบรรดาพนักงานออฟฟิศ รวมถึงคนที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดวัน เก้าอี้สำนักงานถือเป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตามด้วยยุคสมัยที่พัฒนาขึ้นจึงมีการผลิตออกมาเป็น ‘เก้าอี้ Ergonomic’ หรือเก้าอี้เพื่อสุขภาพ รวมถึงเก้าอี้เกมมิ่งซึ่งออกแบบเพื่อการนั่งเล่นเกม หรือนั่งทำงานนาน ๆ ลองมาเทียบกันให้เห็นแบบชัดเจนว่าระหว่างเก้าอี้ Ergonomic เก้าอี้เกมมิ่ง และเก้าอี้สำนักงานทั่วไป แตกต่างกันในเรื่องไหนบ้าง ทำความรู้จักกับเก้าอี้แต่ละแบบคนส่วนใหญ่ต่างคุ้นเคยกับเก้าอี้สำนักงานทั่วไปอยู่แล้วว่าเป็นเก้าอี้ที่ออกแบบเพื่อให้พนักงานนั่งทำงาน แต่โดยปกติมักไม่ได้มีฟังก์ชันใดมากนัก บางตัวออกแบบมาไม่ได้สอดคล้องกับสรีระร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ ฉะนั้นจึงมีการพัฒนาเก้าอี้อีก 2 ประเภทโดยสามารถอธิบายข้อมูลให้ละเอียดมากขึ้นดังนี้ 1. เก้าอี้ Ergonomic หรือเก้าอี้เพื่อสุขภาพสำหรับเก้าอี้ Ergonomic หรือเก้าอี้เพื่อสุขภาพถูกออกแบบให้สามารถรองรับท่าทางการนั่งตามหลักการสรีรศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเมื่อยล้าบริเวณหลัง คอ บ่า ไหล่ ตัวพนักพิงมักเป็นแบบตาข่ายช่วยพยุงสะโพก เอว แผ่นหลัง กระดูกสันหลังส่วนล่าง พร้อมด้วยฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น การปรับระดับตามความสูงของโต๊ะหรือตัวผู้ใช้ เน้นการดูแลสุขภาพมาเป็นอันดับ 1 2. เก้าอี้เกมมิ่งเก้าอี้ประเภทนี้ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับคนที่ชอบเล่นเกมเป็นหลัก ดีไซน์จึงเน้นความเท่ สวยงาม จุดเด่นสำคัญคือพนักพิงสูงกว่าศีรษะ และมีการเจาะรู้ตรงกลางสำหรับการสวมหมอนรองคอ ขนาดเบาะรองนั่งกว้างกำลังพอดี บางรุ่นอาจมีการยกขอบเบาะด้านข้างเพื่อสร้างความกระชับและลดความเมื่อยล้าหากต้องนั่งเล่นเกมนาน ๆ สามารถปรับนอนหรือปรับเอนหลังได้เยอะ เทียบชัด ๆ กับความแตกต่างของเก้าอี้ทั้ง 3 ประเภทเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพและตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น จึงขอเปรียบเทียบกันแบบชัดเจนระหว่างเก้าอี้สำนักงานทั่วไป เก้าอี้ Ergonomic (เก้าอี้เพื่อสุขภาพ) และเก้าอี้เกมมิ่ง 1. ฟังก์ชันการใช้งานเก้าอี้สำนักงานทั่วไป - เน้นความสะดวกต่อการใช้งาน เอนหลังแล้วไม่ปวดเมื่อย อาจเพิ่มเติมการปรับระดับที่เท้าแขน หรือระดับเก้าอี้ได้เก้าอี้ Ergonomic – มีฟังก์ชันการใช้งานที่ปรับท่าทางของสรีระได้ตรงตามหลักการสรีรศาสตร์ โดยเฉพาะความสูงที่มักปรับได้สูงมาก บริเวณพนักพิงด้านหลังเป็นตาข่าย ทำเป็นจุดระบายอากาศลดความร้อนขณะนั่งเก้าอี้เกมมิ่ง – มีฟังก์ชันการปรับระดับความสูง ที่เท้าแขนปรับระดับได้ สามารถปรับเอนนอนได้ บางรุ่นมีการทำลวดลายและเพิ่มไฟ RGB เพื่อความเท่และดูเหนือระดับไปอีกขั้น2. ความสบายเมื่อใช้งานไปนาน ๆเก้าอี้สำนักงานทั่วไป - โอกาสเกิดความเมื่อยล้าสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้ง่ายที่สุด เก้าอี้ Ergonomic - เป็นเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ผลิตขึ้นเพื่อความสบายเมื่อใช้งานโดยเฉพาะเก้าอี้เกมมิ่ง - อาจมีอาการเมื่อยบ้างแต่ก็เล็กน้อย แต่ภาพรวมยังถือว่าให้ความสบายแม้ต้องใช้งานเป็นระยะเวลานาน3. วัสดุและคุณภาพเก้าอี้สำนักงานทั่วไป – ผลิตจากหนังเทียม ผ้า เป็นหลัก คุณภาพปานกลาง มีโอกาสขาดหรือเสียหายได้ง่ายเก้าอี้ Ergonomic - ผลิตจากหนังแท้ หนังเทียม หรือผ้า ส่วนใหญ่เน้นคุณภาพตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงสูงเก้าอี้เกมมิ่ง เน้นผลิตจากหนังแท้และหนังเทียม เกรดวัสดุดี แต่วัสดุอาจลอก เป็นรอย หรือ ขาด เมื่ออายุการใช้งานเพิ่มขึ้น4. การออกแบบและดีไซน์เก้าอี้สำนักงาน - เน้นความเรียบง่าย คล้ายกับเก้าอี้มีพนักพิงทั่วไป เก้าอี้ Ergonomic - มีความโมเดิร์นและทันสมัย พนักคอปรับได้ พนักหลังเป็นแบบเก้าอี้ตาข่ายเพื่อระบายอากาศเก้าอี้เกมมิ่ง - เน้นความทันสมัยด้วยการออกแบบเฉพาะตัว ดูสวยงาม เท่ มีสไตล์ บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้5. ราคาและความคุ้มค่าหากเทียบแล้วเก้าอี้สำนักงานจะมีราคาต่ำที่สุด ส่วนเก้าอี้ Ergonomic และเก้าอี้เกมมิ่งมีราคาใกล้เคียงกันอยู่ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ฟังก์ชันการใช้งาน เก้าอี้แต่ละแบบเหมาะกับใครเก้าอี้สำนักงานทั่วไป - เหมาะกับพนักงาน หรือคนที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั่วไปเก้าอี้ Ergonomic – เหมาะกับคนที่หันมาใส่ใจสุขภาพในการนั่งทำงาน หรือมีปัญหาปวดหลัง และออฟฟิศซินโดรมเก้าอี้เกมมิ่ง – เหมาะกับคนที่เป็นสายเกมเมอร์ หรืออยากลองใช้อะไรใหม่ ๆ การเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้าและป้องกันปัญหาสุขภาพได้ แต่เก้าอี้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการหลีกเลี่ยงอาการออฟฟิศซินโดรม ผู้ใช้งานควรคำนึงถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนั่ง การพักเบรกหรือลุกเดินเป็นระยะ และการบริหารร่างกายร่วมด้วย เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสุขภาพดี หากสนใจอุปกรณ์สำนักงานสามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore จำหน่ายเก้าอี้สำนักงาน เก้าอี้เพื่อสุขภาพ โต๊ะทำงาน และอุปกรณ์อื่น ๆอีกมากมาย

2024-09-30
การจัดการขยะอันตราย ขยะติดเชื้อ ทิ้งอย่างไรให้ปลอดภัย

การจัดการขยะอันตราย ขยะติดเชื้อ ทิ้งอย่างไรให้ปลอดภัยขยะอันตรายและขยะติดเชื้อถือเป็นมูลฝอยที่ต้องใส่ใจในการจัดการให้ถูกต้อง เช่น ทิ้งลงถังขยะอันตราย หรือถังขยะติดเชื้อโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมามากมายโดยเฉพาะอันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นกับร่างกายมนุษย์และสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดังนั้นการทำความเข้าใจและศึกษาวิธีจัดเก็บ จัดการกับขยะอันตรายและขยะติดเชื้ออย่างถูกต้องนอกจากเพิ่มความปลอดภัยต่อตนเองกับคนรอบข้างแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลธรรมชาติไม่ให้เกิดผลกระทบตามมาอีกด้วย ขยะอันตรายและขยะติดเชื้อ คืออะไรขยะอันตราย คือ ขยะที่มีสารพิษ หรือสารเคมีอันตรายปนเปื้อนอยู่ รวมถึงสิ่งของที่หมดอายุ ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว เกิดการเสื่อมสภาพ ห้ามนำไปใช้ต่อเป็นอันขาด โดยต้องจัดเก็บก่อนทิ้งอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้สารพิษเหล่านั้นรั่วไหลสู่ธรรมชาติ หรือสัมผัสกับร่างกายของผู้คน เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้ ขยะติดเชื้อ คือ ขยะที่เจือปนเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียในปริมาณสูงมาก ไปจนถึงสารคัดหลั่งผู้ป่วย บุคคลทั่วไปห้ามสัมผัสกับขยะดังกล่าวเป็นอันขาดเพราะอาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เกิดผลกระทบตามมาโดยเฉพาะเรื่องของการเจ็บป่วย จำเป็นต้องผ่านกระบวนการจัดเก็บและกำจัดที่ถูกต้องตามขั้นตอนเท่านั้น จริง ๆ แล้วขยะทั้ง 2 ประเภทนี้มีทั้งความเหมือนและความต่างกันในบางจุด แต่โดยรวมแล้วก็คือขยะที่ต้องมีกระบวนการจัดเก็บและกำจัดอย่างถูกต้อง มีการใช้ถังขยะแยกประเภทแยกถังขยะอันตรายและถังขยะติดเชื้อชัดเจน ขยะอันตรายและขยะติดเชื้อทิ้งด้วยกันได้หรือไม่แม้ภาพรวมขยะทั้ง 2 ประเภท จะมีอันตรายต่อสุขภาพและสร้างปัญหากับสิ่งแวดล้อม รวมถึงถังขยะที่ใช้มีสีแดงเหมือนกัน แต่ที่ถูกต้องไม่ควรทิ้งในถังเดียวกันเป็นอันขาด เพราะคนที่ต้องเก็บเพื่อนำไปจัดการต่ออาจเข้าใจผิด นำไปเข้าสู่กระบวนการทำลายผิดวิธี ส่งผลเสียอื่น ๆ ตามมา 1. ความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนการทิ้งขยะทั้งสองประเภทรวมกันอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายมากขึ้น หรือทำให้สารเคมีในขยะอันตรายเกิดปฏิกิริยากับขยะติดเชื้อ ซึ่งอาจทำให้เกิดความรุนแรงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม 2. การจัดการที่แตกต่างกันด้วยประเภทขยะที่มีความแตกต่างกัน ทำให้กระบวนการจัดการและกำจัดแตกต่างกันตามไปด้วย ขยะติดเชื้อมักใช้วิธีเผา หรือกำจัดด้วยวิธีที่มั่นใจว่าเชื้อโรคจะถูกทำลาย ขณะที่ขยะอันตรายต้องถูกแยกออกเพื่อนำไปกำจัดหรือรีไซเคิลอย่างปลอดภัย ขยะอันตราย ขยะติดเชื้อ ควรทิ้งอย่างไรการทิ้งขยะอันตรายแยกขยะอันตรายออกจากขยะอื่น ๆ โดยถังขยะอันตรายจะเป็นสีแดงพร้อมสัญลักษณ์หัวกะโหลกไขว้บรรจุขยะในภาชนะที่ปลอดภัยและปิดให้แน่นหนาโดยเฉพาะขยะที่เป็นของเหลวเพื่อป้องกันการหกเลอะเทอะ ลดความเสี่ยงในการรั่วไหล ปนเปื้อนติดฉลากหรือติดป้ายขยะอันตรายบอกไว้ กรณีเป็นขยะสารเคมีควรระบุประเภทของสารเคมีด้วยนำไปทิ้งที่จุดรับขยะอันตราย หากไม่มีที่ทิ้งขยะอันตรายต้องแปะป้ายระบุไว้ให้ชัดเจนขยะอันตรายบางชิ้นสามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่น แบตเตอรี่ หลอดไฟ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์การทิ้งขยะติดเชื้อแยกขยะติดเชื้อออกไม่นำไปรวมกับขยะอื่น ซึ่งถังขยะติดเชื้อจะมีสีแดงสัญลักษณ์ไวรัสเขียนว่า Biohazard Wasteใส่ถุงขยะหนา ไม่ขาด ไม่รั่ว หรือซ้อนถุงสองชั้นเพื่อความมั่นใจใส่น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำยากฟอกขาว ลงไปในถุงเพื่อกำจัดเชื้อเบื้องต้นใช้ถุงขยะสีแดงหรือถ้าไม่มี สามารถติดป้ายไว้ว่าเป็นขยะติดเชื้อแทนได้ล้างมือทำความสะอาดทุกครั้งหลังทิ้งขยะประเภทนี้นี่คือวิธีจัดการขยะอันตรายและขยะติดเชื้อที่ทุกคนควรรู้และทำตาม เพื่อสร้างความปลอดภัยต่อตนเอง ผู้อื่น รวมถึงสิ่งแวดล้อม หากใครกำลังมองหาถังขยะหรืออุปกรณ์ทำความสะอาด สามารถเข้ามาดูได้ที่เจนสโตร์ จำหน่ายถังขยะและอุปกรณ์ทำความสะอาดหลากหลาย เช่น ถังขยะสแตนเลส ถังขยะแยกประเภท เครื่องกวาดพื้น รถเข็นแม่บ้าน

2024-09-24
วิธีดูแลชั้นวางของ ชั้นวางสินค้า ชั้นวางเหล็ก ให้ใช้ได้ยาวนาน

วิธีดูแลชั้นวางของ ชั้นวางสินค้า ชั้นวางเหล็ก ใช้ได้ยาวนานในกลุ่มธุรกิจแทบทุกประเภทโดยเฉพาะบรรดาโรงงานอุตสาหกรรม หรือธุรกิจร้านขายสินค้า ธุรกิจขนส่ง และอีกมากมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการใช้งาน “ชั้นวางสินค้า” โดยเฉพาะชั้นวางแบบเหล็กซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดเก็บสินค้าที่มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักสินค้าได้ดี อย่างไรก็ดีแม้ชั้นวางของจะแข็งแรง ทนทาน แต่เพราะต้องรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักเยอะอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการสึกหรอจากการใช้งาน การเรียนรู้วิธีการดูแลชั้นวางอเนกประสงค์ ชั้นวางของทุกรูปแบบ จะช่วยให้อุปกรณ์มีอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น และจะเป็นการช่วยลดต้นทุนของธุรกิจ ลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ประโยชน์ของการใช้งานชั้นวางสินค้า ชั้นวางเหล็ก การใช้งานชั้นวางสินค้า ชั้นวางอเนกประสงค์ต่าง ๆ โดยเฉพาะชั้นวางเหล็ก มีข้อดีด้วยกันหลายด้านทั้งเรื่องการจัดเก็บสินค้าให้เป็นระเบียบ แยกหมวดหมู่ชัดเจน หยิบของสะดวก ตรวจนับสต๊อกง่าย และยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากความไม่เป็นระเบียบได้อีกด้วย เทคนิคดูแลชั้นวางสินค้า ชั้นวางสินค้า ชั้นวางเหล็ก1. ตรวจสอบสภาพการใช้งานเป็นประจำสิ่งของทุกชิ้นบนโลกย่อมมีอายุการใช้งาน คุณจึงควรตรวจเช็กสภาพชั้นวางสินค้าเป็นประจำ เช่น เสาเหล็กยังคงแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ไม่มีบิดงอ ไม่ขึ้นสนิม ไม่มีความเสียหายใด ๆ นอต สกรูทุกตัวยังอยู่ตรงตามตำแหน่งเดิม เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย 2. ทำความสะอาดชั้นวางสม่ำเสมอควรทำความสะอาดชั้นวางอเนกประสงค์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การปัดฝุ่น การเช็ดทำความสะอาดเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ชั้นวางดูสะอาด และยังเป็นการตรวจสอบสภาพไปในตัวอีกด้วย 3. การป้องกันไม่ให้เกิดสนิมบนชั้นวางชั้นวางเหล็กมีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี แต่มีข้อเสียเรื่องเกิดสนิมได้ง่าย จึงต้องหมั่นตรวจสอบและขัดสนิมหากพบเห็น แนะนำว่าควรทาน้ำยาเคลือบกันสนิมเอาไว้ก่อนตั้งแต่ซื้อมาครั้งแรก 4. การจัดการน้ำหนักสินค้าบนชั้นวางแม้ชั้นวางเหล็ก หรือชั้นวางของต่าง ๆ จะรับน้ำหนักสินค้าได้ดี แต่ก็ควรจัดตำแหน่งการวางสิ่งของให้สมดุล อย่าวางล้นเกินจากตัวชั้นหรือวางสินค้าน้ำหนักเกินกว่าที่ชั้นวางจะรับไหว เพราะอาจเกิดความเสียหายได้เช่นกัน 5. การจัดเก็บและการเคลื่อนย้ายชั้นวางในกรณีที่ไม่ได้ใช้งานชั้นวางนั้น ๆ แล้ว หรือมีการย้ายของไปไว้บริเวณอื่นก็ควรมีมาตรการหรือกระบวนการจัดเก็บ เช่น มีผ้าคลุม หรือกรณีต้องเคลื่อนย้ายไปตั้งยังจุดใหม่ ควรระมัดระวังไม่ให้ชั้นวางเกิดความเสียหาย เช่น การใช้รถเข็นช่วย การยกด้วยแรงคนโดยไม่ใช้การลาก 6. การป้องกันชั้นวางจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอากาศภายนอกมีส่วนสำคัญที่มักทำให้เหล็กยืด-หดได้ ไปจนถึงความชื้นสูงก็อาจก่อให้เกิดสนิมกับชั้นวางเหล็ก จึงต้องพยายามป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ทาน้ำยาเคลือบกันสนิมบ่อย ๆ สังเกตความเปลี่ยนแปลงของตัวชั้นวาง 7. การซ่อมแซมชั้นวางที่เสียหายข้อสุดท้ายหากสังเกตเห็นความเสียหายของชั้นวางสินค้าต้องมีการซ่อมแซมทันที อย่าปล่อยทิ้งเอาไว้เด็ดขาดเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงสิ่งของที่วางเอาไว้อาจได้รับความเสียหาย เสียทรัพย์เพิ่มโดยใช่เหตุ วิธีดูแลชั้นวางสินค้า ชั้นวางอเนกประสงค์ ชั้นวางเหล็ก ที่แนะนำไปเป็นพื้นฐานเบื้องต้นง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้จริงและส่งผลอย่างยิ่งต่อการยืดอายุให้สามารถใช้งานชั้นวางได้อีกยาวนาน ช่วยประหยัดงบประมาณ ที่สำคัญยังเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานด้วย หากใครสนใจชั้นวางของ ชั้นวางสินค้า ชั้นวางเหล็ก สามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore จำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บหลากหลายแบบ รวมทั้งอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสำหรับคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม

2024-09-16
ม็อบถูพื้นมีกี่ประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ม็อบถูพื้นมีกี่ประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานหนึ่งในอุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นซึ่งหลาย ๆ บ้านมีไว้ใช้งาน นั่นคือ “ม็อบถูพื้น” อุปกรณ์ชนิดนี้มีหลากประเภท หลายรูปแบบให้ได้เลือกสรร ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน ความถนัด หรือความเหมาะสมของผู้ใช้ การทำความรู้จักม็อบถูพื้นและใช้ให้ตรงกับลักษณะงานจึงช่วยให้งานทำความสะอาดง่ายยิ่งขึ้น ประเภทของม็อบถูพื้น มีแบบไหนบ้าง1. ม็อบถูพื้นแบบถังปั่นม็อบประเภทแรกจะมาพร้อมกับถังม็อบถูพื้น หัวไม้ม็อบมักทำจากผ้าไมโครไฟเบอร์ ออกแบบเป็นรูปวงกลม สามารถดูดซับน้ำและสิ่งสกปรกได้ดี ใช้งานกับทุกพื้นที่ทุกซอกทุกมุม เมื่อต้องการทำความสะอาด ให้นำไม้ม็อบไปจุ่มในถังฝั่งใส่น้ำ จากนั้นย้ายไปวางฝั่งถังปั่นไม้ม็อบ และเหยียบตัวเหยียบ เพื่อให้ตัวถังปั่นทำความสะอาดผ้า ช่วยประหยัดเวลาและไม่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ บิดผ้าด้วยมือ 2. ม็อบถูพื้นฟองน้ำหัวไม้ม็อบประเภทนี้ผลิตจากฟองน้ำซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการกำจัดคราบน้ำและคราบสิ่งสกปรก เหมาะสำหรับใช้งานในบริเวณที่น้ำท่วมขัง ม็อบฟองน้ำจะช่วยซับน้ำได้ดีทำให้น้ำแห้งเร็ว ไม่เกิดคราบสกปรก สะดวก ประหยัดเวลา ซึ่งหากต้องการบีบน้ำทิ้ง สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการดึงที่บีบน้ำบนตัวไม้ม็อบ 3. ม็อบถูพื้นแบบพ่นน้ำได้ บางคนอาจเรียกว่าม็อบถูพื้นแบบสเปรย์ เพราะม็อบถูกออกแบบให้มีถังเก็บน้ำอยู่ในไม้ม็อบ ผู้ใช้สามารถกวาดพื้นด้วยผ้าแห้ง เมื่อกวาดหรือดันเศษฝุ่นและขยะต่าง ๆ ออกไปแล้ว ก็สามารถฉีดน้ำและถูพื้นด้วยไม้ม็อบอันเดิม ข้อดีคือ สามารถถูพื้นได้โดยไม่ต้องคอยนำไม้ม็อบไปจุ่มน้ำอยู่เรื่อยๆ และไม่ต้องเสียเวลาเตรียมน้ำสำหรับถังม็อบถูพื้น เพิ่มความสะดวก ช่วยให้งานเสร็จเร็ว 4. ม็อบถูพื้นแบบรีดน้ำม็อบประเภทนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษในการรีดน้ำด้วยตนเอง ถังม็อบถูพื้นถูกออกแบบให้บริเวณที่ล้างทำความสะอาดและบริเวณที่รีดน้ำแยกกันชัดเจน ตัวผ้าทำจากไมโครไฟเบอร์ มักนิยมใช้สำหรับดันน้ำบริเวณที่มีการท่วมขัง สะดวก รวดเร็ว พื้นแห้งไว ประหยัดเวลาการทำงาน 5. ไม้ดันฝุ่นไม้ม็อบดันฝุ่นนิยมใช้สำหรับพื้นที่แห้งเพื่อจัดการดันฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ซึ่งลักษณะการทำงานจะคล้ายกับเครื่องดูดฝุ่น ไม้ม็อบจะดึงฝุ่นให้ติดกับตัวหัวม็อบโดยไม่ต้องใช้น้ำ ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจาย ถ้าใช้งานร่วมกับน้ำยาดันฝุ่น จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีกว่าเดิม มักนิยมใช้กับบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดโดยไม่ต้องการให้พื้นเปียก เช่น ทางเดินห้าง สำนักงาน 6. ไม้ม็อบถูพื้นแบบชามัวร์ ม็อบถูพื้นประเภทสุดท้าย บริเวณหัวไม้จะทำจากผ้าชามัวร์มีจุดเด่นเรื่องการซึมซับน้ำ ขนาดกะทัดรัด สามารถซอกซอนเข้าไปบริเวณพื้นที่แคบหรือเล็กได้อย่างง่ายดาย แต่มีราคาสูงกว่าผ้าไมโครไฟเบอร์ทั่วไปและต้องเก็บรักษาอย่างดีเมื่อเลิกใช้งาน วิธีเลือกไม้ม็อบถูพื้นให้เหมาะกับการใช้งานเลือกประเภทไม้ให้ตรงกับการใช้งาน เพราะม็อบถูพื้นมีหลายแบบ ลองศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจขนาด ความยาวของไม้ต้องเหมาะกับสรีระของผู้ใช้ ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป ซึ่งจะทำให้การใช้งานลำบากความแข็งแรง ทนทาน พลาสติกไม่กรอบไม่แตกหักง่าย คุ้มค่ากับราคา ใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆประเมินเรื่องความสะดวกทั้งระหว่างใช้ การทำความสะอาดหลังใช้ และการเก็บเมื่อไม่ได้ใช้ รู้แบบนี้แล้วก็ลองเลือกประเภทของม็อบถูพื้นที่เหมาะกับลักษณะพื้นผิว หรือจุดประสงค์ของการใช้งาน ขนาดพอเหมาะ แข็งแรงทนทาน รับรองว่าจะช่วยให้การทำงานบ้านเป็นเรื่องง่าย สะดวกรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม แม่บ้านมีความสุขมากขึ้นแน่นอน หากกำลังมองหาอุปกรณ์ทำความสะอาดสามารถเข้ามาดูได้ที่เจนสโตร์ จำหน่ายอุปกรณ์ทำความสะอาดหลากหลายชนิด เช่น ถังไม้ถูพื้น ไม้ถูพื้น รถเข็นทำความสะอาด สินค้าได้มาตรฐาน มีคุณภาพทุกชิ้น

2024-09-05
โต๊ะทำงานแบบยืน คืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง รู้ไว้ก่อนใช้งาน

โต๊ะทำงานแบบยืน คืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง รู้ไว้ก่อนใช้งานเมื่อวิถีการทำงานของผู้คนโดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายต้องนั่งทำงานอยู่กับที่ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงในแต่ละวัน จึงเกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคออฟฟิศซินโดรมมากขึ้น นั่นเป็นเหตุผลให้เกิดการพัฒนาอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะบรรดาอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ หรืออุปกรณ์ Ergonomic และหนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อยมากขึ้นต้องยกให้กับโต๊ะทำงานแบบยืน นอกจากเป็นความแตกต่างจากโต๊ะแบบเดิม ๆ แล้ว โต๊ะทำงานแบบยืนมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะ Office Syndrome ได้อย่างไรมาดูกัน โต๊ะทำงานแบบยืน คืออะไร?โต๊ะทำงานแบบยืน คือ โต๊ะทำงานที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถยืนขณะทำงานได้ มีทั้งรูปแบบของโต๊ะที่มีขาสูงโดยมักมีระดับความสูงประมาณ 100 เซนติเมตรขึ้นไป หรือหากเทียบตามสรีระมาตรฐานของคนมักอยู่ช่วงใต้ราวนม และอีกรูปแบบจะเป็นลักษณะโต๊ะที่สามารถปรับระดับความสูงได้ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบแล้วโต๊ะที่เหมาะกับการยืนทำงานมากที่สุด คือ โต๊ะปรับระดับไฟฟ้า เพราะสามารถปรับระดับความสูงได้โดยใช้ระบบไฟฟ้า ไม่ต้องดึงขาโต๊ะเพื่อปรับระดับความสูงของโต๊ะให้ยุ่งยาก ปรับท่าทางการทำงานได้หลายรูปแบบ หากยืนนานและเกิดอาการเมื่อยก็ปรับความสูงของโต๊ะลงไปในระดับการนั่งทำงานปกติ ไม่ว่าผู้ใช้จะมีความสูงเท่าไร โต๊ะประเภทนี้ก็สามารถปรับระดับได้อย่างเหมาะสม ช่วยลดความเมื่อยล้า การขยับท่าทางร่างกายบ่อยครั้ง จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้จริง โต๊ะยืนทำงานมีส่วนช่วยลดปัญหาออฟฟิศซินโดรมได้อย่างไร?โรคออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการที่ร่างกายอยู่ในท่าทางเดิม ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยเฉพาะท่านั่ง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หรือกระดูกเกิดการอักเสบ แม้บ่อยครั้งคนทำงานอาจไม่ได้ต้องการให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าวแต่ด้วยรูปแบบทำงานที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อยู่กับเอกสาร บวกกับสมาธิที่มุ่งแต่เฉพาะเรื่องของงานจนทำให้ลืมขยับเปลี่ยนท่าทางของร่างกาย ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนมาใช้เป็นโต๊ะยืนทำงานจะช่วยให้คุณปรับจากท่านั่งเป็นท่ายืน ซึ่งลดความเสี่ยงต่อการปวดหลัง ปวดเอว กระดูกทับเส้นประสาทจากการนั่งเป็นเวลานานได้ดี รวมถึงถ้าเลือกใช้โต๊ะทำงานปรับระดับหากยืนหรือนั่งท่าเดิมจนเมื่อย ก็สามารถปรับเปลี่ยนท่าทางในการทำงานได้ง่าย ๆ ตลอดวัน ทำแบบนี้ จึงไม่ต้องกังวลใจเรื่อง Office Syndrome อย่างแน่นอน ข้อดีของการใช้โต๊ะยืนทำงานลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งอาจลุกลามรุนแรงมากขึ้น เช่น กระดูกทับเส้นประสาท กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง ระดับความดันโลหิตสูงขึ้นจากการที่หลอดเลือดกับกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกและต้นขาถูกกดทับนานเกินไป ส่งผลต่อเนื่องให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานหนักขึ้น เสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายเฉียบพลันร่างกายได้เคลื่อนไหวมากขึ้นแม้ต้องอยู่ในช่วงเวลาของการทำงาน ซึ่งมีการคำนวณการใช้พลังงานระหว่างการยืนทำงานและนั่งทำงาน โดยมีรายละเอียด คือ ถ้าเป็นการยืน ร่างกายสามารถเผาผลาญได้ 88 กิโลแคลอรี / ชั่วโมง ส่วนการนั่งทำงาน ร่างกายเผาผลาญได้ 80 กิโลแคลอรี / ชั่วโมง แม้ตัวเลขอาจดูใกล้เคียงกัน แต่ปกติเมื่ออยู่ในท่าการยืนก็มักทำกิจกรรมอื่นควบคู่กันได้ง่ายกว่า เช่น การเดินไปห้องน้ำ เดินไปหยิบของ ซึ่งต่างจากท่านั่งที่คนส่วนใหญ่จะรู้สึกขี้เกียจและไม่อยากลุกปรับระดับความสูงการนั่งอย่างเหมาะสมได้ นอกจากจะปรับโต๊ะเพื่อยืนทำงานแล้ว โต๊ะปรับระดับไฟฟ้ายังช่วยในเรื่องของการปรับความสูงเพื่อให้เหมาะกับสรีระในการนั่งทำงาน อาจจะคิดว่าแค่การปรับเก้าอี้ก็พอแล้ว แต่บางคนอาจมีช่วงขายาวเมื่อปรับเก้าอี้ต่ำเกินไปจะทำให้นั่งไม่สบาย การใช้โต๊ะปรับระดับจึงช่วยให้สามารถปรับท่าทางและระดับความสูงของการนั่งทำงานได้อย่างเหมาะสม ข้อมูลข้างต้นเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าแค่เปลี่ยนโต๊ะทำงานแบบเดิม ๆ มาเป็นโต๊ะแบบยืนก็มีส่วนช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น พร้อมส่งผลให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ลดความเครียดและการเสียสุขภาพจิตจากการเจ็บป่วยได้ หากใครสนใจโต๊ะทำงานแบบยืน โต๊ะปรับระดับไฟฟ้าสามารถเข้ามาดูได้ที่เจนสโตร์ มีอุปกรณ์ออฟฟิศจำหน่ายมากมายเช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้สำนักงาน โต๊ะประชุม โต๊ะอเนกประสงค์

2024-09-05
โต๊ะที่พบเห็นบ่อยมีกี่ประเภท แบบไหนเหมาะกับการใช้งานอะไรบ้าง

โต๊ะที่พบเห็นบ่อยมีกี่ประเภท แบบไหนเหมาะกับการใช้งานอะไรบ้าง หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานที่ทุกแห่งต้องมีย่อมหนีไม่พ้น “โต๊ะ” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะพับ โต๊ะทำงาน โต๊ะกินข้าว โต๊ะสแตนเลส ฯลฯ อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงโต๊ะแล้ว สามารถแบ่งประเภทของโต๊ะด้วยเกณฑ์หลักออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่วัสดุที่ใช้ผลิตและลักษณะการใช้งาน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ประเภทของโต๊ะตามวัสดุที่ผลิตโต๊ะไม้ จัดเป็นประเภทวัสดุที่พบเห็นได้บ่อยมากที่สุด ซึ่งเมื่อพูดถึงโต๊ะไม้ยังสามารถแยกย่อยออกตามชนิดของไม้ได้อีกด้วย เช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้เนื้ออ่อน ไม้อัด ฯลฯ โต๊ะไม้มีความแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ดี แต่ต้องระวังเรื่องความชื้น และปลวก มอด โต๊ะพลาสติก มีจุดเด่นในเรื่องของราคา และมีรูปแบบหลากหลายให้เลือกใช้งาน เลือกสีสันได้หลายแบบ แต่ต้องระวังเรื่องการรับน้ำหนัก อายุการใช้งานไม่ยาวนานมากนักโต๊ะเหล็ก มีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้มากโดยไม่ต้องกังวล ถูกออกแบบหลากหลายลักษณะ เช่น โต๊ะพับ โต๊ะกินข้าว ฯลฯ ต้องคอยระวังเรื่องน้ำและความชื้น เพราะอาจเกิดสนิมได้ง่าย จึงมักมีการเคลือบน้ำยากันสนิมเอาไว้โต๊ะสแตนเลส เป็นโต๊ะที่พบเห็นได้บ่อยและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยจุดเด่นคือความแข็งแรงทนทาน ไม่เกิดสนิม รับน้ำหนักได้ดี มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถสั่งทำโต๊ะสแตนเลสดิไซน์รูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการได้โต๊ะอะลูมิเนียม จุดเด่นของโต๊ะประเภทนี้จะใกล้เคียงกับโต๊ะสแตนเลส แต่ระดับความแข็งแรงอาจไม่ได้สูงเท่า รับน้ำหนักดีในระดับหนึ่งแต่ไม่แนะนำให้วางของหนักมากเกินไป ทนความชื้นและน้ำได้ดีโต๊ะกระจก บ่งบอกถึงความหรูหรามีระดับ แผ่นท็อปด้านบนมักผลิตจากกระจกใส ขณะที่ขาและโครงสร้างโต๊ะสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม โต๊ะกระจกมักมีราคาสูง และต้องระวังเรื่องการแตกร้าว ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้โต๊ะหินอ่อน ถ้าต้องการเพิ่มความหรูหรา นี่คือทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยลวดลายที่มีความเฉพาะตัวจึงทำให้มีราคาแพงมากกว่าวัสดุหลายประเภท แข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักดีมาก พบเจอได้ทั้งการทำเป็นโต๊ะวางของนอกอาคาร และอื่น ๆโต๊ะหินแกรนิต มีราคาสูงเมื่อเทียบกับวัสดุประเภทอื่นเช่นกัน แต่แลกมาด้วยความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี หรูหรามีระดับ อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำ ความชื้น จะเลือกตั้งวางกลางแจ้งหรือในอาคารก็ตามสะดวก ประเภทของโต๊ะตามลักษณะการใช้งานโต๊ะทำงาน มีจุดประสงค์เพื่อใช้ทำงานเป็นหลัก อาจมีการทำลิ้นชักอยู่ด้านล่าง หรือชั้นวางด้านบน ด้านข้างเพื่อความสะดวกครบครัน ขนาดกำลังพอเหมาะ และอาจมีช่องสำหรับร้อยสายไฟเพื่อต่อสายคอมพิวเตอร์โต๊ะอาหาร สำหรับใช้ในการทานอาหาร มีหลายขนาดเลือกได้ตามเหมาะสม เน้นความแข็งแรง โต๊ะกาแฟ พบเจอได้บ่อยตามร้านคาเฟ ร้านกาแฟ หรือบางคนซื้อไว้สำหรับนั่งทำงานที่บ้านด้วย ขนาดจะเล็กกว่าโต๊ะอาหาร เน้นดิไซน์สวยงาม ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ใช้งานโต๊ะประชุม จุดประสงค์สำคัญเพื่อใช้ในการประชุมงานต่าง ๆ จึงมักมีขนาดใหญ่ และอาจมีช่องร้อยสายไฟเพื่อความสะดวกกับการใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆโต๊ะพับอเนกประสงค์ โต๊ะที่ถูกใช้งานได้หลายรูปแบบ เน้นความสะดวกในการจัดเก็บและเคลื่อนย้าย ประหยัดพื้นที่ อาจนำไปทำเป็นโต๊ะตั้งขายสินค้า หรือใช้งานอเนกประสงค์ด้านอื่น พับเก็บได้เมื่อเลิกใช้โต๊ะแพ็คสินค้า ใช้เพื่อการแพ็คสินค้าเป็นหลัก อาจมีอุปกรณ์เสริมอื่นเพื่อความสะดวก เช่น ชั้นวางด้านล่าง ด้านข้าง หรือแกนใส่เทปกาว แกนใส่ม้วนบับเบิล เป็นต้นโต๊ะทำงานช่าง โต๊ะที่ออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานของช่าง เช่น มีจุดสำหรับแขวนหรือจัดเก็บอุปกรณ์ช่างให้สะดวกต่อการใช้ แข็งแรงทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ข้างต้นคือประเภทของโต๊ะที่สามารถพบเห็นได้บ่อย ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อใช้งาน อย่าลืมเลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ ที่ Jenstore จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานหลากหลายชนิด เช่น โต๊ะทำงาน โต๊ะพับ โต๊ะประชุม เก้าอี้สำนักงาน สินค้ามีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานเพื่อความคุ้มค่าและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2024-07-25
หมวกเซฟตี้แต่ละสีมีความหมายว่าอะไร ใช้ในงานแบบไหน

หมวกเซฟตี้แต่ละสีมีความหมายว่าอะไร ใช้ในงานแบบไหน หมวกเซฟตี้ หรือหมวกนิรภัย เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่สำคัญอย่างมากต่อตัวผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่อันตรายต่าง ๆ การสวมหมวกเซฟตี้จะช่วยป้องกันศีรษะ ลดความรุนแรงจากการกระแทกหากเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนคงเคยสังเกตเห็นสีสันที่แตกต่างกันของหมวกเซฟตี้และอาจยังไม่เข้าใจความหมายของหมวกแต่ละสี ลองมาเช็กพร้อมกันเลยว่าหมวกเซฟตี้แต่ละสีหมายถึงอะไร เหมาะกับการเลือกใช้งานแบบไหนบ้าง ความหมายของหมวกเซฟตี้แต่ละสี1. หมวกสีเหลืองถือเป็นสีของหมวกนิรภัยที่พบเจอได้บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสีสำหรับใช้ในการทำงานของพนักงานทั่วไปตามโรงงาน โกดัง หรือพื้นที่งานก่อสร้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มงานขุดเจาะ งานเครื่องจักร งานทำถนน ฯลฯ หากคนทั่วไปพบเห็นคนที่กำลังสวมหมวกเซฟตี้สีเหลือง นั่นบ่งบอกว่าพวกเขากำลังปฏิบัติงาน และควรสัญจรผ่านด้วยความระมัดระวังเพราะบริเวณดังกล่าวกำลังมีการปฏิบัติหน้าที่ 2. หมวกสีเขียวหมวกสีเขียวมีความหมายด้านความปลอดภัย ส่วนมากจึงมักพบการใช้งานในบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ พยาบาล หน่วยกู้ภัย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย (จป.) ซึ่งสวมใส่เมื่อต้องเข้าไปยังพื้นที่อันตราย หรือบริเวณสถานที่ปลอดเชื้อ เพื่อปฐมพยาบาล ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ อีกทั้งยังทำให้คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้ง่ายเมื่อต้องการผู้ที่มีทักษะทางการแพทย์เบื้องต้น นอกจากนี้หมวกเซฟตี้สีเขียวยังถูกใช้งานในงานด้านสิ่งแวดล้อมด้วย 3. หมวกสีแดงสำหรับหมวกนิรภัยสีแดงจะบ่งบอกถึงงานที่เกี่ยวกับความร้อนหรือไฟซึ่งเป็นความหมายในระดับสากล การสวมใส่หมวกสีแดงจึงต้องการสื่อสารให้ผู้พบเห็นสังเกตได้ง่ายในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ช่างเชื่อม หรืองานที่ต้องสัมผัสกับความร้อน บางแห่งอาจเลือกใช้หมวกสีน้ำตาลแทนหมวกสีแดง 4. หมวกสีส้ม หมวกเซฟตี้สีส้มพบได้บ่อยในบริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงซ่อมบำรุง ซึ่งบุคคลที่สวมหมวกสีดังกล่าวมักทำหน้าที่ในการควบคุมเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ต้องใช้ทักษะ มีความระมัดระวังสูง และอาจเกิดอันตรายกระทบเป็นวงกว้างหากมีอุบัติเหตุ เช่น รถขุด เครน รถยก ปั้นจั่น ฯลฯ ในไซต์งานก่อสร้าง คนที่สวมหมวกสีนี้มักเป็นหัวหน้างาน เพื่อให้พนักงานทั่วไปสังเกตเห็นได้ง่ายถ้าต้องการความช่วยเหลือ และหมวกนิรภัยสีส้มยังพบเจอกับงานที่เกี่ยวข้องกับการจราจร เช่น ทำถนน ซ่อมถนน ได้อีกด้วย 5. หมวกสีน้ำเงินหมวกเซฟตี้สีนี้ถูกใช้ในงานซ่อมบำรุงเช่นกัน แต่ผู้สวมใส่มักเป็นกลุ่มช่างชำนาญการเฉพาะทาง เช่น งานไม้ งานไฟฟ้า หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค อย่างไรก็ตามกรณีที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับกระแสไฟฟ้า อย่าลืมเลือกหมวกเซฟตี้ชนิดที่สามารถป้องกันอันตรายจากกระแสไฟได้ 6. หมวกสีขาวหมวกที่ผู้สวมใส่มักต้องเข้าไปอยู่บริเวณพื้นที่ปฏิบัติงานแต่ไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในการทำงานนั้น เช่น หัวหน้างาน ผู้จัดการ วิศวกร ผู้เยี่ยมชมโรงงาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่คอยระวังภัยพร้อมรับผิดชอบบุคคลภายนอกที่เข้ามาบริเวณพื้นที่ดังกล่าว 7. หมวกสีฟ้าหมวกนิรภัยประเภทสุดท้าย เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกลักษณะการทำงานเกี่ยวกับน้ำเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจตรงกัน เช่น งานประปา งานช่างซ่อมบำรุงท่อน้ำ ความสำคัญของหมวกนิรภัย และช่วงเวลาที่ควรสวมใส่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมวกนิรภัยมีความสำคัญอย่างมากในด้านของความปลอดภัยของตัวผู้ปฏิบัติงาน อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกและจำแนกตัวบุคคลได้ชัดเจนเมื่อต้องเข้าไปอยู่บริเวณพื้นที่สุ่มเสี่ยง เช่น ไซต์งานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บอกว่า เมื่อไหร่ก็ตามหากคุณต้องเข้าไปบริเวณดังกล่าว จำเป็นต้องมีการสวมหมวกเซฟตี้เอาไว้เสมอ ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุได้ทุกเวลา ทั้งหมดนี้คือความหมายของหมวกเซฟตี้สีต่าง ๆ ที่ทุกคนควรรู้เอาไว้ อย่างไรก็ตามนอกจากเรื่องของสีแล้วยังมีการแบ่งประเภทของหมวกนิรภัยตาม Type และ Class ของหมวกอีกด้วย ซึ่งแต่ละประเภทจะแตกต่างกันที่ความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการช่วยลดอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ดังนั้นเมื่อจะเลือกใช้งานหมวกเซฟตี้ต้องพิจารณาอย่างรอบด้านเพื่อความปลอดภัย สวมใส่ได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ หากกำลังมองหาหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน สามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore จำหน่ายอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์เซฟตี้ อุปกรณ์ PPE หลากหลายชนิด เช่น ชุดป้องกันสารเคมี ถุงมือกันความร้อน แว่นตานิรภัย อุปกรณ์ทุกชิ้นมีคุณภาพ ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

2024-07-23
รู้จักกับประเภทของพาเลท ขนาดและการเลือกใช้งาน

รู้จักกับประเภทของพาเลท ขนาดและการเลือกใช้งาน “พาเลท” จัดเป็นอุปกรณ์สำคัญของโรงงานและคลังสินค้าแทบทุกแห่ง มีหน้าที่รองรับสินค้า วัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อให้การจัดเก็บและการขนย้ายเกิดความสะดวก ง่ายดาย ปลอดภัย ลดภาระการทำงานของพนักงาน การใช้งานพาเลทจะทำให้สามารถขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ได้ในปริมาณมากโดยการใช้ร่วมกับรถยกลากพาเลท รถโฟลค์ลิฟต์ หรือรถยกสูงประเภทต่างๆ มาทำความรู้จักกับประเภทของพาเลทและปัจจัยในการเลือกใช้งานให้ตรงตามจุดประสงค์มากขึ้นกว่าเดิม ขนาดของพาเลทที่นิยมใช้งานก่อนจะไปรู้จักกับประเภทของพาเลทชนิดต่าง ๆ เช่น พาเลทพลาสติก พาเลทไม้ พาเลทเหล็ก ฯลฯ สิ่งแรกที่อยากนำเสนอคือการทำความเข้าใจเรื่องขนาดของพาเลท เพื่อให้การใช้งานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งปัจจุบันขนาดของพาเลทที่ได้รับความนิยมจะประกอบไปด้วย 1. ขนาด Euro Palletหรือจะเรียก EPAL ก็ได้เช่นกัน มีขนาดอยู่ที่ 80 x 120 x 14.4ซม. (31.5 × 47.2 × 5.7 นิ้ว) ถือเป็นขนาดที่ผ่านมาตรฐานของยุโรปและได้รับความนิยมในหมู่ประเทศเหล่านี้ 2. Japan Pallet ลักษณะของพาเลทที่ประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดขึ้นมาเพื่อการใช้งานเป็นประเทศแรก โดยมีขนาด 110 x 110 x 14.4 ซม. (43.3 x 43.3 x 5.7 นิ้ว) ปัจจุบันก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย 3. Thai Pallet หรือจะเรียกเป็น International Pallet ก็ไม่ผิดนัก เพราะได้รับความนิยมทั้งการใช้งานในเมืองไทยและการใช้งานอีกหลายประเทศแทบจะทั่วโลก ขนาดอยู่ที่ 100 x 120 x 14.4 ซม. (40 x 47.2 x 5.7 นิ้ว) ประเภทของพาเลทและการนำไปใช้งาน 1. พาเลทพลาสติกพาเลทพลาสติกถือเป็นพาเลทที่ได้รับความนิยมสูงมากในยุคปัจจุบัน ผลิตจากพลาสติก PP (Polypropylyne) หรือ HDPE (High Density Polyethylene) มีเนื้อเหนียวจึงรองรับน้ำหนักได้ดี แข็งแรง ทนทาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการโดนน้ำ ความชื้น มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ไม่เพิ่มน้ำหนักในการขนย้ายสินค้ามากเกินไป จึงสะดวก ปลอดภัย ดูแลรักษาง่าย ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับวัสดุประเภทอื่น แต่ข้อด้อยของพาเลทพลาสติกคือมีอายุการใช้งานสั้น และไม่เหมาะกับการวางในพื้นที่กลางแจ้งซึ่งต้องเจอกับแสงแดดมาก 2. พาเลทเหล็กพาเลทเหล็กกำลังเริ่มเป็นที่นิยม ผลิตจากเหล็กเคลือบกันสนิม เช่น เคลือบกัลวาไนซ์ (Galvanize) จึงมีความแข็งแรงทนทานสูง รับน้ำหนักได้มาก อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ลามไฟ แต่มีข้อด้อยเรื่องของน้ำหนักมาก และจำเป็นต้องเลือกซื้อจากร้านที่ได้มาตรฐานเพื่อให้มั่นใจว่าผ่านการเคลือบกันสนิมอย่างดี ไม่เช่นนั้นเมื่อเจอน้ำหรือความชื้นก็มีโอกาสเกิดความเสียหายได้ 3. พาเลทไม้พาเลทยืนหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน แม้ปัจจุบันใช้งานกันน้อยลงแต่ก็ยังคงพบเห็นได้ตลอด รับน้ำหนักได้ดี ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย แต่การใช้ไม้เป็นวัสดุก็มักเจอกับข้อด้อยอยู่หลายประการ เช่น ความชื้น การบวมน้ำจนผุพัง ปัญหาเรื่องปลวก มอดกัดแทะ ไปจนถึงพาเลทไม้บางอันมีน้ำหนักมาก และมักแตกหักเสียหายง่ายกว่าพาเลทประเภทอื่น 4. พาเลทกระดาษเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น มักผลิตจากกระดาษลูกฟูกจึงมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ดี สามารถส่งออกไปยังประเทศได้เกือบทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรป สามารถรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่เพื่อประหยัดต้นทุนและดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ความทนทานต่ำ ติดไฟง่าย ไม่ค่อยถูกกับความชื้นและน้ำ โอกาสเสียหายมีสูง 5. พาเลทโฟมพาเลทชนิดสุดท้ายจะมีจุดเด่นเรื่องน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ประหยัดต้นทุนการขนส่งสินค้า ทำความสะอาดง่าย แต่ก็มีข้อด้อยเรื่องความแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักสินค้าได้ไม่มาก และยังย่อยสลายยาก ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม 6. ลังพลาสติกขนาดใหญ่และลังตะแกรงพับได้นอกจากพาเลทที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บสินค้าบนชั้นวางอุตสาหกรรมแล้ว ลังพลาสติกขนาดใหญ่และลังตะแกรงพับได้ เป็นภาชนะหรืออุปกรณ์สำหรับจัดเก็บสินค้าได้ปริมาณมากเช่นเดียวกัน เหมาะที่จะใช้งานกับสินค้าชิ้นใหญ่ หรือสำหรับงานจัดเก็บชั่วคราว หรือสินค้าที่เข้าออกบ่อย สามาถใช้ขนย้ายแทนพาเลทและจัดเก็บบนชั้นวางได้ ข้างต้นคือประเภทและขนาดของพาเลทซึ่งหยิบยกมาให้ทุกคนได้รู้จักและสามารถตัดสินใจเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับสินค้าและงานแต่ละแบบที่แตกต่างกัน เพื่อความคุ้มค่ากับการลงทุน ตอบโจทย์อย่างลงตัว หากกำลังมองหาพาเลทพลาสติกสามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore จำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บ เช่น ชั้นวางของ ชั้นวางสินค้า ชั้นวางอุตสาหกรรม พาเลทพลาสติก พาเลทเหล็ก

2024-07-04
เผยวิธีในการเลือกล้อรถเข็น เลือกอย่างไรให้ใช้งานได้ดี

เลือกล้อรถเข็นอย่างไรให้ใช้งานได้ดี “ล้อรถเข็น” ถือเป็นส่วนสำคัญของรถเข็นที่ต้องคอยรับน้ำหนักและสัมผัสกับพื้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อผ่านการใช้งานไปเป็นเวลานานย่อมเกิดการเสื่อมสภาพซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งาน การเลือกซื้อล้อรถเข็นสำหรับเปลี่ยนใหม่จึงต้องใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเพื่อให้สะดวกต่อการทำงาน ถ้าเลือกผิดจนใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพก็เท่ากับเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ใครที่กำลังเตรียมเปลี่ยนล้อรถเข็น มาดูกันว่าต้องพิจารณาเรื่องใดบ้างเพื่อให้สามารถเลือกล้อรถเข็นได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งาน การเลือกล้อรถเข็นให้เหมาะกับการใช้งาน 1. รูปแบบการติดตั้งล้อ ล้อรถเข็นมีด้วยกันหลายลักษณะตามการยึดติดเข้ากับตัวรถ จึงจำเป็นต้องเลือกให้ตรงกับประเภทรถเข็นที่ใช้งาน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถติดตั้งเพื่อเปลี่ยนแทนล้อเก่าได้ ซึ่งรูปแบบการติดตั้งมีดังนี้แบบแป้น แผ่นสี่เหลี่ยมบนตัวล้อจะมี 4 รู สำหรับยึดติดโดยสกรูหรือนอต ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแป้นล้อเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือจัตุรัสแบบสกรู เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเหมือนแบบแป้นแต่จะมีแท่งสกรูยื่นขึ้นมาเพื่อทำเป็นเกลียวสำหรับหมุนยึดติดกับรถแบบรู นิยมใช้กรณีที่สกรูหรือนอตที่ติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน ก็จะใช้ล้อรถเข็นรูปแบบนี้ทดแทน เพื่อประหยัดเวลาการติดตั้งแบบเดือย จะคล้ายกับแบบสกรูแต่แบบเดือยมักยื่นขึ้นสูงกว่าและมีเดือยล็อก หมุนได้รอบทิศทาง เพื่อความสะดวกต่อการใช้งานแบบแหวนล็อก ใช้วิธีติดตั้งด้วยการสวมเข้าไปให้แหวนล็อกล้อกับรถเพื่อยึดติดกัน จากนั้นเพิ่มความแน่นหนาด้วยเครื่องตอกอัด 2. การรับน้ำหนักผู้ใช้งานจำเป็นต้องทราบว่าปกติรถเข็นต้องรับน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน ล้อรถเข็นที่ใช้งานต้องสามารถรองรับน้ำหนักสิ่งของต่าง ๆ ขณะใช้งานได้อย่างดี โดยล้อรถเข็นแต่ละรุ่นจะมีน้ำหนักที่รองรับได้ระบุไว้เพื่อให้เลือกได้อย่างถูกต้อง หากล้อรถเข็นที่ใช้ไม่เหมาะกับน้ำหนักสิ่งของนอกจากการเข็นลำบาก พังเสียหายง่าย ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย 3. ขนาดของล้อขนาดล้อรถเข็นก็มีผลต่อการใช้งานเช่นกัน ยิ่งล้อมีขนาดใหญ่จะช่วยให้การเข็นง่ายขึ้นแต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมสังเกตลักษณะการติดตั้งของล้อและประเภทของล้อที่จะนำมาเปลี่ยนด้วย 4. ชนิดของล้อและลักษณะการใช้งานเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาให้ดีก่อนซื้อมาเปลี่ยน ต้องเลือกชนิดของล้อรถเข็นที่ตอบโจทย์การใช้งาน เช่น บางชนิดรับน้ำหนักได้ดีแต่อาจมีเสียงดังขณะเข็น บางชนิดอาจทำให้พื้นผิวบางประเภทเป็นรอยขีดข่วน ซึ่งชนิดของล้อรถเข็นที่ได้รับความนิยมมีดังนี้ล้อยูรีเทน ผลิตจากโพลียูรีเทน แข็งแรง เนื้อเหนียว แต่ไม่เหมาะกับบริเวณที่มีความร้อนสูง เพราะจะทำให้ความทนทานของวัสดุลดลงเร็วมาก สามารถใช้งานได้ดีกับพื้นที่ทั่วไปล้อยาง ล้อยอดฮิตที่นิยมใช้กันมาอย่างยาวนานผลิตจากยางพาราเป็นหลัก ดูดซับแรงกระแทกได้ดี เสียงเงียบ แต่ไม่เหมาะกับพื้นไวนิล พื้นกระเบื้อง หรือไม้คอนกรีตล้อไนลอน มีจุดเด่นด้านความแข็งแรงทนทานสูงเนื่องจากความแข็งของวัสดุ ใช้งานได้นาน ทนสารเคมี น้ำมัน ความร้อน และของมีคมได้ แต่มักทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นกระเบื้อง พื้นไวนิล ข้างต้นคือปัจจัยในการเลือกล้อรถเข็นที่ควรต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะปกติล้อรถเข็นสามารถใช้งานได้ยาวนานเป็นสิบปี แต่ถ้าหากต้องเสียเงินเปลี่ยนล้อใหม่บ่อย ๆ ย่อมเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับกิจการ ที่สำคัญอย่าลืมเลือกซื้อกับร้านที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ การันตีมาตรฐาน เพื่อความสบายใจ คุ้มค่ากับการลงทุน ตอบโจทย์แบบครบทุกด้าน ที่ Jenstore จำหน่ายล้อรถเข็น และล้ออุตสาหกรรมทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น ล้อยูรีเทน ล้อยาง ล้อไนลอน มีหลากหลายแบบหลายขนาดให้เลือกซื้อ นอกจากนี้ยังจำหน่ายรถเข็น รถเข็นอุตสาหกรรม อีกด้วย

2024-07-03
ปัญหาขยะล้นถัง สาเหตุและวิธีป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ปัญหาขยะล้นถัง สาเหตุและวิธีป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่ใดมีมนุษย์อาศัยอยู่ย่อมเกิดขยะตามมา ซึ่งปัญหาใหญ่เกี่ยวกับขยะในปัจจุบัน นั่นคือ “ขยะล้นถัง” หมายถึง ปริมาณขยะมีเยอะมากเกินกว่าที่ถังขยะในบริเวณดังกล่าวจะรองรับไหวที่พบได้ในพื้นที่เมืองหรือแหล่งชุมชนที่มีผู้คนอาศัยหนาแน่น กลายเป็นการสร้างผลเสียต่อสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้น ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น ทั้งยังเป็นปัญหาด้านสุขอนามัยที่ส่งผลกระทบกับผู้คนที่อาศัยอยู่ด้วย การเข้าใจสาเหตุของปัญหาขยะล้นถัง พร้อมเรียนรู้วิธีแก้ปัญหา จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี สะอาดตา และเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของผู้คนร่วมกันด้วย ปัญหาขยะล้นถังเกิดจากสาเหตุอะไรเรื่องของปัญหาขยะล้นถัง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจประกอบไปด้วยปัจจัยเหล่านี้มีปริมาณขยะมากเกินไป จากการเพิ่มขึ้นของประชาชน การขยายตัวของเมือง ทำให้มีการบริโภคที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้นด้วยไม่มีระบบการจัดการขยะที่ถูกต้อง ไม่มีการคัดแยกขยะ ทำให้ขยะแต่ละชนิดถูกจัดการอย่างไม่เหมาะสม เช่น ขยะที่ย่อยสลายได้ไม่ถูกนำไปฝังกลบอย่างถูกวิธี หรือขยะที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่ได้ถูกนำเข้ากระบวนการรีไซเคิล เป็นต้น ละเลยการนำขยะออกไปทิ้ง อาจด้วยความขี้เกียจหรือลืมใด ๆ ก็ตาม ส่งผลให้ปริมาณขยะในถังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเป็นปัญหาขยะล้นถังถังขยะที่ใช้มีขนาดเล็กเกินไป หรือมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อปริมาณขยะ หรือจำนวนคนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว แนวทางเบื้องต้นในการแก้ปัญหาขยะล้นถัง ควรทำอย่างไรบ้าง 1. กำหนดให้มีการแยกขยะการแยกขยะเป็นพื้นฐานง่าย ๆ ที่จะช่วยลดปริมาณขยะลงได้ ทำให้สามารถนำขยะไปกำจัดได้อย่างถูกวิธี และจัดลำดับความสำคัญในการจัดการขยะได้อย่างเหมาะสม เช่น ขยะเปียกควรทิ้งเป็นลำดับแรกหรือแยกไปทำเป็นปุ๋ยต้นไม้ ขยะรีไซเคิลบางชิ้นอาจนำไปใช้ต่อ หรือนำไปขายให้กับแหล่งรับซื้อขยะ การแยกขยะเริ่มต้นง่าย ๆ โดยการใช้ถังขยะแยกประเภทสำหรับขยะแต่ละชนิด 2. เลือกใช้ถังขยะใบใหญ่มากขึ้นหากรู้ว่าปริมาณถังขยะปัจจุบันที่ใช้บริเวณดังกล่าวไม่เพียงพอ ก็สามารถเลือกถังขยะที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาใช้งานแทนเพื่อรองรับปริมาณขยะในพื้นที่ โดยถังขยะขนาดใหญ่สำหรับใช้เป็นถังขยะภายนอกสำหรับในชุมชนมีให้เลือกหลากหลาย เช่น ถังขยะเทศบาล หรือถังขยะ กทม. ความจุตั้งแต่ 120 ลิตรไปจนถึง 1100 ลิตร 3. หมั่นนำขยะออกไปทิ้งเป็นระยะการแก้ปัญหาขยะล้นถังแบบเรียบง่าย นั่นคือการนำขยะในถังออกไปทิ้งบ่อย ๆ เป็นระยะ ไม่จำเป็นต้องรอให้เต็มถัง โดยเฉพาะขยะเปียก หรือขยะเศษอาหารต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่นำไปทิ้งหลังจากปรุงอาหารหรือทานเสร็จทันที ก็มักทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมา ทำให้มีแมลงหรือสัตว์รบกวนเข้ามากัดกิน และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ส่งผลเสียต่อสุขภาพ 4. ใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมช่วยกำจัดขยะในปัจจุบันมีเครื่องมือในการจัดการกับขยะภายในครัวเรือนทั่วไป เช่น การใช้เครื่องบีบอัดขยะ เพื่อเพิ่มพื้นที่การทิ้งขยะให้มากขึ้น การใช้เครื่องกำจัดเศษอาหาร เพื่อเปลี่ยนบรรดาขยะเปียก หรือเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยสำหรับพืชผักสวนครัวในบ้าน 5. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์กลุ่มที่เป็นของใช้แล้วทิ้งวัสดุที่มักสร้างปัญหาขยะล้นถังได้มากสุดคือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัสดุใช้แล้วทิ้งทั้งหลาย เช่น ถ้วยกระดาษ ตะเกียบไม้ แก้วพลาสติก ถ้วยพลาสติก หลอดพลาสติก ฯลฯ โดยเปลี่ยนมาใช้ภาชนะต่างๆที่ใช้ซ้ำได้ เช่น แก้วน้ำส่วนตัว เพื่อลดการใช้สิ่งที่ไม่จำเป็นซึ่งจะเป็นการลดปริมาณขยะลงด้วย 6. สร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาขยะการสร้างความตระหนักรู้ และการให้ความสำคัญของการทิ้งขยะอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยสร้างจิตสำนึกที่ดีของผู้คนในสังคม ให้หันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมหรือปัญหาของโลกเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนเห็นความสำคัญด้านการจัดการขยะและลดปริมาณขยะในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะทั้งที่บ้าน โรงเรียน บริษัท องค์กร และในชุมชน เมื่อเข้าใจสาเหตุพร้อมวิธีแก้ปัญหาขยะล้นถังกันไปแล้วก็หวังว่าทุกคนจะเห็นความสำคัญและใส่ใจปัญหาขยะกันมากขึ้น และหากกำลังมองหาถังขยะประเภทต่าง ๆ สามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore จำหน่ายถังขยะหลากหลายประเภท เช่น ถังขยะพลาสติก ถังขยะเท้าเหยียบ ถังขยะสแตนเลส ถังขยะแยกประเภท

2024-06-27
เช็กลิสต์ 6 อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมีติดเอาไว้ใช้ในบ้าน

เช็กลิสต์ 6 อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมีติดเอาไว้ใช้ในบ้านการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจไม่แพ้เรื่องอื่น แม้แต่การอยู่อาศัยภายในบ้านก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันต่าง ๆ ขึ้นได้เสมอ ด้วยเหตุนี้การมี “อุปกรณ์ความปลอดภัย” ติดเอาไว้ย่อมช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ลดความรุนแรง ช่วยปกป้องชีวิตของทุกคนได้อย่างดี ซึ่งหากพูดถึงอุปกรณ์ความปลอดภัย หลายคนมักคิดว่าควรมีใช้งานแค่ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือไซต์ก่อสร้างเท่านั้น ดังนั้นจึงขอพามาดู 6 เช็กลิสต์อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่ทุกบ้านควรมีเอาไว้ใช้งาน 6 อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมีติดบ้านไว้1. ถังดับเพลิงอุบัติเหตุเกี่ยวกับเพลิงไหม้เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาด้วยสาเหตุอันหลากหลาย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าลัดวงจร แก๊สรั่ว จุดไฟแล้วลืมดับ หรือการขาดความระมัดระวังจากการใช้งานสิ่งของจำพวกธูป เทียน ยากันยุง การจุดเตาถ่าน ฯลฯ ถังดับเพลิงจึงเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานที่ทุกบ้านควรติดตั้งไว้เสมอ ซึ่งปัจจุบันก็มีประเภทถังหลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมถังชนิดผงเคมีแห้งเพราะสามารถดับไฟจากต้นเพลิงได้หลากหลายประเภท 2. แว่นตานิรภัยหลายคนอาจคิดว่าแว่นตานิรภัยมักถูกใช้กับการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี สารอันตราย แต่จริง ๆ แล้วยังสามารถนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้ภายในบ้านได้ ด้วยลักษณะของแว่นจะปิดบังบริเวณดวงตาทั้งหมดจึงลดอันตรายจากสิ่งที่จะเข้ามาสัมผัสลูกนัยน์ตา มักถูกใช้เพื่อป้องกันควันไฟ ไอระเหยสารเคมี การทำงานช่างซึ่งมีโอกาสที่สิ่งแปลกปลอมจะกระเด็นเข้าตา ไปจนถึงป้องกันเศษฝุ่น เศษละอองต่าง ๆ เมื่อต้องทำงานในบ้าน เช่น กวาดหยักไย่ เจาะผนัง เจาะเพดาน 3. หน้ากากนิรภัยจุดประสงค์ของอุปกรณ์ความปลอดภัยประเภทนี้จะใกล้เคียงกับแว่นตานิรภัย แต่ส่วนใหญ่มักใช้เพื่อป้องกันบรรดาฝุ่นละออง สารแขวนลอย สารเคมีต่าง ๆ ไม่ให้สัมผัสกับอวัยวะบนใบหน้า โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจส่งผลต่อปอดได้ง่ายมาก ยิ่งยุคที่ในอากาศมีฝุ่น PM 2.5 จำนวนมากจึงควรใช้งานหน้ากากนิรภัยและอย่าชะล่าใจเป็นอันขาด หรือบางกรณีต้องเจอสถานการณ์ฉุกเฉินอย่าง ควันพิษ กลิ่นสารเคมี ก็สามารถหยิบมาใช้งานได้เช่นกัน นอกจากนี้หากเกิดเหตุไฟไหม้ หน้ากากนิรภัยเป็นอุปกรณ์ที่ป้องกันการสำลักควันได้อย่างดี 4. รองเท้าเซฟตี้อุปกรณ์อีกชิ้นที่หลายคนอาจคิดว่าแค่อยู่บ้านจำเป็นต้องมีเอาไว้ใช้งานด้วยหรือ คำตอบคือการมีไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะบางกรณีอาจเจอกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟรั่ว นอกจากนั้นรองเท้าเซฟตี้ยังถูกผลิตมาเพื่อป้องกันการลื่น ด้วยลักษณะของพื้นรองเท้าหนา ดอกยางลึกกว่ารองเท้าทั่วไป จึงยึดเกาะพื้นได้ดี แม้ต้องอยู่บนพื้นซึ่งลื่นมากก็ยังพอทรงตัวอยู่ได้ ป้องกันการลื่นล้มซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและคนรอบข้าง รวมถึงข้าวของเสียหาย 5. ถุงมือเซฟตี้ หรือ ถุงมืองานช่างถุงมือสำหรับใช้ในงานช่างมีด้วยกันหลายประเภทขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ใช้ เช่น ถุงมือกันความร้อน ถุงมือยาง ถุงมือผ้า ถุงมือป้องกันสารเคมี ฯลฯ ดังนั้นการมีถุงมือหลายประเภทเอาไว้ในบ้านจะช่วยให้การทำงานราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การซ่อมแซมไฟฟ้า การจับของร้อน การล้างห้องน้ำ การปลูกต้นไม้ การตัดถางหญ้า ตัดต้นไม้ในสวน ฯลฯ ถุงมือเซฟตี้จึงเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ไม่อยากให้มองข้าม 6. ชุดปฐมพยาบาลอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างสุดท้ายที่ขอเน้นย้ำว่าทุกบ้านควรมีเอาไว้ นั่นคือ ชุดปฐมพยาบาล หรืออุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น น้ำเกลือ แอลกอฮอล์ล้างแผล สำลี ผ้าพันแผล ผ้าก๊อซ ยาทำแผล รวมถึงกลุ่มยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้แพ้ ยาหม่อง ยาดม เพราะเหตุไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา อุปกรณ์ปฐมพยาบาลจะช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้น ก่อนนำผู้ป่วยส่งต่อถึงมือแพทย์หากอาการรุนแรง อุปกรณ์ความปลอดภัยทุกชิ้นที่แนะนำมาล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ทุกบ้านควรมีติดเอาไว้ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีไม่ต่ำกว่า 3-4 ชนิด เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว อย่ามองเป็นเรื่องไกลตัว อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้เสมอจึงควรเตรียมตัวและป้องกันไว้ทุกครั้ง หากสนใจอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์เซฟตี้ ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม หรือ ในบ้าน สามารถเข้ามาดูที่ Jenstore จำหน่ายอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบครบครัน เช่น รองเท้าเซฟตี้ เข็มขัดเซฟตี้ หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : Website : https://www.jenstore.com (Live Chat) ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย) Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103 Email : [email protected] Official Account: @jenstore Facebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2024-05-31
แนะนำ 10 เครื่องมือช่างที่ควรมีติดบ้านเอาไว้ ใช้งานได้ตลอด

แนะนำ 10 เครื่องมือช่างที่ควรมีติดบ้านเอาไว้ ใช้งานได้ตลอดแม้ไม่ใช่ช่างมืออาชีพ แต่การมี “เครื่องมือช่าง” ติดบ้านเอาไว้ ย่อมช่วยให้การแก้ไขงานบางอย่างสะดวกมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินจ้างช่างเข้ามาตรวจเช็กหรือซ่อมแซม จึงอยากแนะนำ 10 เครื่องมือช่างที่ควรมีเอาไว้ เพราะเป็นเครื่องมือช่างที่มักได้ใช้งานอยู่เป็นประจำ ตรงจุดไหนมีปัญหาสามารถหยิบมาใช้งานได้ทันที 10 เครื่องมือช่างที่ควรมีติดบ้านเอาไว้1. ค้อนเครื่องมือช่างพื้นฐานที่แทบทุกบ้านต้องมีแบบไม่ต้องสงสัย หน้าที่หลักของค้อนคือการตอกตะปูเพื่อยึดให้วัสดุ 2 ชิ้น ไม่หลุดออกจากกัน รวมถึงยังสามารถดัดแปลงใช้งานในด้านอื่นเพิ่มเติมได้ด้วย เช่น การทุบ การดัน การตี แนะนำให้ซื้อค้อนหงอนซึ่งจะเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด เพราะสามารถตอกหรืองัดตะปูได้ในอันเดียว 2. ประแจประแจเลื่อน หรือชุดประแจ เครื่องมือที่หลายบ้านมักมีติดเอาไว้ใช้เช่นกัน หลัก ๆ แล้วเพื่อไขนอตบนแป้นเกลียวให้หมุนได้ตามทิศทางที่ต้องการ รวมถึงยังใช้ได้กับสิ่งอื่น ๆ เช่น ท่อน้ำ หัวก๊อกน้ำ การซ่อมอุปกรณ์รถยนต์ การประกอบหรือถอดข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้านก็ต้องใช้ประแจในการทำงาน 3. คีมหลายคนมักเข้าใจผิดว่าคีมเป็นอุปกรณ์สำหรับช่างไฟฟ้า แต่จริงแล้วสามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ ยิ่งถ้าเป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียดเพื่อตัดสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ หรือการหยิบสิ่งของขนาดเล็ก ซึ่งคีมเองก็มีหลายประเภท จึงต้องเลือกแบบที่เหมาะกับงานซึ่งต้องการใช้ประจำ 4. ไขควงเครื่องมือช่างคู่บ้านของคนจำนวนมาก การใช้งานหลัก ๆ คือ การไขนอตเพื่อยึดวัสดุ หรือคลายนอตเพื่อต้องการถอดวัสดุดังกล่าวออกจากกัน มักต้องใช้ไขควงในการประกอบสิ่งต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ และยังมีการดัดแปลงเพื่อใช้งานด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ด้วย เช่น การเจาะรู การวัดกระแสไฟ ไขควงมีหลายแบบ อาจจะเลือกใช้เป็นชุดไขควง ที่มีหลายขนาดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน 5. สว่านไฟฟ้าปัจจุบันการใช้งานสว่านจะเน้นรูปแบบของสว่านไฟฟ้าแทบทั้งหมด เพราะสะดวก ใช้งานง่าย ไม่ต้องออกแรงมากเกินไป จุดประสงค์หลักเพื่อเจาะรูผนัง กำแพงสำหรับแขวนหรือติดตั้งสิ่งของต่าง ๆ เช่น ชั้นวางของ กล้องวงจรปิด นาฬิกา การเดินสายไฟ การเดินท่อแอร์ 6. เลื่อยเลื่อยมีหลายรูปแบบ หลากขนาดให้เลือกสรร ลองประเมินว่าแบบไหนที่ตนเองมักใช้งานเป็นประจำ เช่น เลื่อยงานไม้ เลื่อยทำจากเหล็ก เลื่อยมักจะใช้งานเพื่อการตัดสิ่งของต่าง ๆ ที่มีความหนาหรือแข็งให้ขาดออกจากกัน เช่น แผ่นไม้ ท่อพีวีซี ท่ออะลูมิเนียม ฯลฯ 7. ตลับเมตรเครื่องมือช่างที่หลายคนอาจมองข้ามแต่จริง ๆ แล้วควรมีติดบ้านเอาไว้เช่นกัน ใช้ในการวัดขนาดสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสม ประเภทที่นิยมใช้งานจะเป็นตลับเมตรหน้ากว้าง 1 นิ้ว ความยาวระหว่าง 3-5 เมตร มีขอเกี่ยวด้านหน้าสุดของสายวัดเพื่อใช้เกี่ยวกับสิ่งของเพื่อให้ได้ระยะที่ถูกต้องแม่นยำ 8. บันไดบันไดในที่นี้คือบันไดช่างที่มีลักษณะเป็นขาตั้ง 2 ข้าง เมื่อกางออกแล้วจะมีลักษณะเหมือนตัว A สำหรับการใช้งานในที่สูงต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนหลังคา ฝ้า เพดาน การเปลี่ยนหลอดไฟ การติดตั้งพัดลมเพดาน ซึ่งมักจะใช้เป็นบันไดอะลูมิเนียมเพราะแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ไม่เกิดสนิมแม้เจอกับน้ำและความชื้น 9. อุปกรณ์ตรวจหากระแสไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นไขควงวัดไฟ ปากกาวัดไฟ ซึ่งเครื่องตรวจหากระแสไฟฟ้ามีความจำเป็นอย่างมาก ใช้ในการตรวจสอบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ มักใช้ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนสายไฟ เปลี่ยนหลอดไฟ หรือบริเวณไหนที่คิดว่าเกิดไฟรั่ว เพื่อความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า จึงเป็นอุปกรณ์ที่ควรมีติดบ้านไว้ใช้งาน 10. ที่วัดระดับน้ำปิดท้ายด้วยเครื่องวัดระดับสำหรับใช้วัดความลาดเอียงตามแนวระนาบบนพื้นผิวประเภทต่าง ๆ อาจดูเป็นเครื่องมือที่ไกลตัวแต่ใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น การวัดความลาดเอียงเมื่อต้องปูพื้นหน้าบ้าน ปูพื้นใหม่ภายในบ้าน การก่ออิฐทำผนัง รั้ว เพื่อให้มั่นใจว่าได้ระดับความลาดเอียงที่เหมาะสม นอกจากการมีเครื่องมือช่างเหล่านี้แล้วอย่าลืมศึกษาวิธีจัดเก็บเครื่องมือซึ่งแนะนำให้ใช้ที่จัดเก็บอย่างเหมาะสมเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน สะดวกต่อการใช้ หาง่าย เช่น กล่องเก็บอะไหล่ ตู้เก็บเครื่องมือช่าง แผงแขวนเครื่องมือช่าง หากกำลังมองหาเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ช่าง สามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore.com ศูนย์รวมอุปกรณ์ช่าง เครื่องมือช่าง มีคุณภาพได้มาตรฐาน

2024-05-29
เช็กลิสต์ 10 อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องใช้ในออฟฟิศที่ควรมีไว้

เช็กลิสต์ 10 อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องใช้ในออฟฟิศที่ควรมีไว้อุปกรณ์สำนักงาน หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในออฟฟิศมีความสำคัญอย่างมากเพราะนี่คือตัวช่วยในการอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ชั้นยอดในการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม จึงอยากพาทุกคนมาดูเช็กลิสต์ 10 อุปกรณ์เครื่องใช้ในสำนักงานที่ควรมีเอาไว้ในออฟฟิศ 10 อุปกรณ์สำนักงานที่ทุกออฟฟิศควรมีไว้ใช้1. โต๊ะทำงาน อุปกรณ์สำนักงานชิ้นแรกที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะโต๊ะทำงานมีหน้าที่ในการตั้งวางสิ่งของทุกชนิด เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แฟ้ม เอกสาร ฯลฯ ซึ่งประเภทของโต๊ะก็มีให้เลือกหลายแบบ จุดเด่นแตกต่างกันออกไป อาทิ โต๊ะทำงานไม้ โต๊ะทำงานเหล็ก โต๊ะประชุม โต๊ะอเนกประสงค์ โต๊ะพับ สามารถเลือกซื้อได้ตามความเหมาะสม 2. เก้าอี้สำนักงานเมื่อมีโต๊ะทำงานแล้วจะขาดเก้าอี้ก็คงไม่ได้ ซึ่งเก้าอี้สำนักงานมีด้วยกันหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการใช้งาน หรือความชอบของแต่ละบุคคล เช่น เก้าอี้ผู้บริหาร สำหรับ CEO หรือผู้บริหาร บ่งบอกถึงความสง่าผ่าเผย เก้าอี้แบบหนัง หรือเก้าอี้แบบผ้า สำหรับพนักงาน หรืออาจใช้ในการประชุมทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้แบบตาข่ายอีกด้วย 3. ตู้เก็บเอกสารแม้ปัจจุบันโลกออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ยังคงต้องมีการเก็บเอกสารฉบับจริงและต้องเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี โดยเฉพาะเอกสารความลับ เอกสารสำคัญทั้งหลาย เช่น สูตรการผลิต หนังสือสัญญา หรือเอกสารทั่วไปอื่น ๆ ดังนั้นการมีตู้เก็บเอกสารจะช่วยจัดเก็บเอกสารแต่ละประเภทให้เป็นระเบียบมากขึ้น ค้นหาง่าย หยิบใช้งานสะดวก 4. ตู้ล็อกเกอร์สังเกตว่าหลาย ๆ ออฟฟิศ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบริหารที่มีลูกค้าเข้ามาติดต่อสม่ำเสมอ หรือกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมซึ่งไม่อนุญาตให้นำของส่วนตัวเข้าไปภายในก็จำเป็นต้องมีตู้ล็อกเกอร์ที่มีกุญแจหรือระบบล็อกป้องกันการสูญหาย เพื่อเก็บสิ่งของต่าง ๆ ของลูกค้าและพนักงาน 5. ชั้นวางของอีกไอเทมสำคัญที่เชื่อว่าทุกออฟฟิศต้องมีเอาไว้ใช้งาน เพราะจุดเด่นสำคัญของอุปกรณ์สำนักงานชิ้นนี้จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสิ่งของให้มากขึ้นโดยการใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้ง ชั้นวางของสามารถใช้ได้ทั้งกับห้องเก็บของสำหรับเก็บพัสดุ สินค้าตัวอย่าง หรือสินค้าทั่วไปสำหรับเติมขายหน้าร้าน ไปจนถึงการวางของใช้ส่วนรวม 6. อุปกรณ์เพื่อการประชุมและนำเสนอห้องประชุมเป็นอีกห้องหนึ่งที่สำคัญของทุกๆออฟฟิศ เพราะเป็นห้องที่ใช้พูดคุย ระดมสมอง ตัดสินใจและหาข้อสรุปในการดำเนินงานต่างๆ การประชุมสามารถมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้นได้ด้วยการมีตัวช่วยหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ เช่น กระดานไวท์บอร์ด ที่มีทั้งแบบแขวนติดผนังและแบบมีขาตั้งล้อเลื่อน กระดานอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถเขียนไอเดียต่างๆและเชื่อมต่อกับปริ๊นท์เตอร์พิมพ์ออกมาได้ทันที รวมถึงกระดานฟลิปชาร์ท ที่เหมาะสำหรับกิจกรรมกลุ่มออกไอเดีย 7. อุปกรณ์จัดเก็บเอกสารต่าง ๆการจัดระเบียบเอกสารทุกชนิดด้วยการแยกหมวดหมู่ให้ชัดเจนย่อมเพิ่มความสะดวกต่อการทำงานของชาวออฟฟิศได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นอุปกรณ์จัดเก็บเอกสารต่าง ๆ จึงเป็นอีกไอเทมที่ทุกออฟฟิศควรมีเอาไว้ อาทิ ซองใส่เอกสาร แฟ้มใส่งานทั่วไป แฟ้มเก็บเอกสารแบบห่วง ฯลฯ 8. อุปกรณ์เกี่ยวกับกระดาษการทำงานออฟฟิศทุกประเภทต้องมีการใช้งานกระดาษ เช่น การออกเอกสารสั่งซื้อ เอกสารเสนอราคา การจดลิสต์สิ่งของ เอกสารข้อมูล ฯลฯ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระดาษทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกระดาษถ่ายเอกสาร สมุดโน้ต กระดาษใบเสร็จ จึงต้องมีพร้อมไว้ใช้งานอยู่เสมอเพื่อไม่ให้การทำงานชะงักล่าช้า 9. อุปกรณ์สำนักงานเบ็ดเตล็ดอุปกรณ์สำนักงานเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่มีเอาไว้เพื่อใช้สำหรับการทำงานในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเย็บกระดาษ ลวดเย็บกระดาษ ที่เจาะกระดาษ เทปกาว คลิปหนีบกระดาษ รวมถึงอุปกรณ์ตัดทั้งหลาย เช่น กรรไกร คัตเตอร์ แท่นตัดกระดาษ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญมากเพื่อให้การทำงานดำเนินไปอย่างราบรื่น 10. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ปิดท้ายด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหลาย เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องเคลือบกระดาษ เครื่องพิมพ์ เครื่องเข้าเล่มเอกสาร เครื่องทำลายเอกสาร ฯลฯ สำหรับใช้ทำงานเอกสาร เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นี่คือทั้ง 10 อุปกรณ์สำนักงานที่ยืนยันว่าทุกออฟฟิศควรมีเอาไว้ใช้ ซึ่งออฟฟิศไหนกำลังมองหาตัวเลือกชั้นยอด สามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore by Jenbunjerd ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานหลากหลายชนิด การันตีคุณภาพ ครบจบในที่เดียว ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ :ฝ่ายขาย : 02-096-9999 (200 คู่สาย)Email : [email protected]บริการลูกค้า : 02-096-9898 ext 3102-3103Email : [email protected] Official Account: @jenstoreFacebook : เจนสโตร์ - JenStore by Jenbunjerd

2024-05-07
ข้อดีของการใช้งานโต๊ะสแตนเลส มีมากกว่าที่หลายคนเคยรู้

ข้อดีของการใช้งานโต๊ะสแตนเลส มีมากกว่าที่หลายคนเคยรู้หนึ่งในประเภทของอุปกรณ์เครื่องใช้ที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในชีวิตประจำวันต้องมีชื่อของ “โต๊ะสแตนเลส” แบบไม่ต้องสงสัย ด้วยสแตนเลส หรือเหล็กกล้าไร้สนิม มักเป็นวัสดุที่ถูกนำมาผลิตเป็นเครื่องใช้หลายประเภทไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องครัว จานชาม ช้อนส้อม หม้อ กระทะ ภาชนะต่าง ๆ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงโต๊ะอย่างที่กล่าวไป ซึ่งข้อดีของวัสดุประเภทนี้ก็มีด้วยกันอยู่หลายอย่างมากกว่าที่คุณอาจเคยรู้ ข้อดีของการใช้งานโต๊ะสแตนเลส1. ความแข็งแรงสแตนเลส หรือเหล็กกล้าไร้สนิม คือ วัสดุที่ผลิตขึ้นจากเหล็ก โครเมียม นิกเกิล และคาร์บอน จึงมีความแข็งแรงทนทานไม่ต่างจากเหล็กชนิดอื่น ๆ แต่มีน้ำหนักเบากว่า และยังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความสามารถในการรองรับของที่มีน้ำหนักซึ่งแม้แต่คนขึ้นไปนั่งก็ไม่เกิดความเสียหาย 2. ทนต่อสภาพแวดล้อมนอกจากความสามารถในการรับน้ำหนักสิ่งของต่าง ๆ แล้ว ด้วยกระบวนการผลิตวัสดุจึงปรากฏชั้นฟิล์มบาง ๆ เคลือบเหล็กด้านใน ทำให้มีคุณสมบัติกันน้ำ ไม่ก่อให้เกิดสนิมแม้ต้องเจอกับความชื้นสูง ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม ทนการกัดกร่อนของกรด ด่าง สารเคมีหลายชนิด ยิ่งถ้าเป็นโต๊ะสแตนเลสเกรด 304 มั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน 3. ดูแลรักษาทำความสะอาดง่ายอีกจุดเด่นที่สำคัญของการเลือกใช้โต๊ะสแตนเลส คือ ในสแตนเลสจะมีการเพิ่มโครเมียมและนิกเกิล ทำให้ทนทานต่อความชื้น ไม่ก่อให้เกิดสนิม ดังนั้นแม้จะตากฝน หรืออยู่ในบริเวณพื้นที่ซึ่งมีความชื้นสูงก็ไม่เกิดความเสียหาย กรณีเกิดคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย แค่ใช้น้ำและน้ำยาทำความสะอาด โต๊ะสแตนเลสไม่มีปฏิกิริยากับกรด-ด่างของน้ำยาทำความสะอาดจึงไม่ต้องกังวลว่าโต๊ะจะเสียหายจากผลิตภัณฑ์เคมี 4. ดูดีมีระดับอีกข้อดีของการใช้โต๊ะประเภทนี้ คือ ความสวยงาม หรูหรา ด้วยดีไซน์แบบเฉพาะตัวมีความมันเงาเป็นสีเงิน แม้ใช้งานไปนาน ๆ ตัวสีก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง โต๊ะสแตนเลสเหมาะกับการใช้ในห้องครัวเป็นอย่างมากเพราะนอกจากทำความสะอาดง่ายแล้วยังเข้ากับเครื่องครัวสแตนเลส ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดูสะอาดตา 5. โต๊ะสแตนเลสสามารถสั่งทำได้หากโต๊ะสแตนเลสที่มีขายทั่วไปยังไม่ตรงกับความต้องการ คุณสามารถสั่งผลิตได้เพื่อปรับรูปแบบ ขนาด หรือเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆให้ตรงกับการใช้งานของคุณได้ โดยการสั่งทำโต๊ะหรืออุปกรณ์สแตนเลส ควรพิจารณาเลือกร้านที่มีตัวอย่างผลงานเพื่อดูฝีมือของช่างและความประณีตของชิ้นงาน ที่สำคัญคือมีบริการหลังการขายที่รับประกันสินค้า รับซ่อม เคลม ให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและการใช้งานสินค้า โต๊ะสแตนเลส สามารถใช้งานแบบไหนได้บ้างโต๊ะสแตนเลสสามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลายตามจุดประสงค์ของผู้ใช้ ซึ่งตัวอย่างงานที่พบได้บ่อย ๆ มีดังนี้โรงอาหาร ร้านอาหาร เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถพบเจอโต๊ะสแตนเลสได้บ่อยครั้ง ช่วยให้บริเวณดังกล่าวดูหรูหรา สะอาดตา เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย วางของร้อน-ของเย็นไม่มีปัญหาห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เป็นจุดที่ต้องพบเจอกับสารเคมี กรด-ด่าง และการกัดกร่อนต่าง ๆ อยู่ตลอด การใช้สแตนเลสจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพ ความเสียหาย และอื่น ๆ โรงพยาบาล โต๊ะสแตนเลสนอกจากดูหรูหรา สวยงาม ยังสะดวกต่อการทำความสะอาด จัดการคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ง่าย ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสถานพยาบาลทุกแห่ง ผู้ป่วยสบายใจมากขึ้นโรงงานอุตสาหกรรม อีกสถานที่ในการพบเจอโต๊ะประเภทนี้ ซึ่งถูกนำไปใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ตั้งแต่การตั้งวางสิ่งของทั่วไป ตัวอย่างงาน วางงานหลังการผลิต หรือแม้แต่วางน้ำยาสารเคมี วิธีเลือกโต๊ะสแตนเลสให้ตอบโจทย์กับการใช้งาน1. ขนาดของโต๊ะที่ต้องการ การเลือกขนาดที่เหมาะสมจะทำให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีพื้นที่มากพอในการวางสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งทำโต๊ะสแตนเลสตามขนาดที่ต้องการได้ 2. คุณภาพของสแตนเลสที่ใช้ในการผลิตเกรดสแตนเลสในการผลิตมีความสำคัญมาก ส่วนใหญ่แล้วต้องเลือกสแตนเลสเกรด 304 เพราะแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมทุกประเภท ไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายใด ๆ 3. ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ อาจพิจารณาเพิ่มเติมจากฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ ของโต๊ะ เช่น มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก มีชั้นวางด้านล่างเพิ่มประโยชน์ใช้สอย หรือพับเก็บได้เพื่อการประหยัดพื้นที่ เมื่อรู้ข้อดีและการใช้งานกันไปแล้วหากต้องการโต๊ะสแตนเลสมีคุณภาพสามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore by Jenbunjerd นอกจากนี้ทางร้านยังรับทำโต๊ะสแตนเลสตามสั่งทุกขนาด ทุกดีไซน์ สนใจแบบไหนสามารถติดต่อเข้ามาได้เลย

2024-04-26
เครื่องมือวัดที่ใช้ในงานช่างหรือโรงงานอุตสาหกรรม

ในโลกของงานช่างและโรงงานอุตสาหกรรม "เครื่องมือวัด" เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ช่างผู้ชำนาญและวิศวกรผู้มากประสบการณ์ทำงานได้อย่างปลอดภัย แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ บทความนี้จึงขอพาทุกท่านก้าวเข้าสู่โลกของเครื่องมือวัด เรียนรู้ประเภท การใช้งาน และวิธีเลือกเครื่องมือวัดให้เหมาะสมกับงานทั้งนี้ก่อนที่จะเข้าไปถึงเนื้อหา หลายคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมเครื่องมือวัดจึงสำคัญ? ให้คุณลองจินตนาการว่าช่างจะสร้างบ้านได้อย่างไรหากไม่มีตลับเมตร? หรือวิศวกรจะออกแบบเครื่องยนต์ได้อย่างไรหากไม่มีไมโครมิเตอร์? ฉะนั้นเครื่องมือวัดจึงช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาด และสร้างผลงานที่มีคุณภาพ ประเภทของเครื่องมือวัดพื้นฐานสำหรับเครื่องมือวัดมีหลากหลายประเภท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะการวัด หัวข้อนี้นำเสนอประเภทของเครื่องมือวัดที่ใช้กันทั่วไป ดังนี้ แบ่งตามลักษณะการวัด โดยเครื่องมือวัดพื้นฐานสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่เครื่องมือวัดมิติ (Dimensional Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดขนาด ความยาว ความกว้าง ความสูง ความหนา เส้นผ่านศูนย์กลางของวัตถุ และเครื่องมือวัดที่เรารู้จักกันก็คงจะเป็นเวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ เครื่องวัดระยะเลเซอร์ ตลับเมตร เครื่องวัดมุม เป็นต้น เครื่องมือวัดทางไฟฟ้า (Electrical Measuring Instruments) ในส่วนนี้จะใช้สำหรับวัดค่าทางไฟฟ้า เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความต้านทาน กำลังไฟฟ้า อาทิ มัลติมิเตอร์ แคลมป์มิเตอร์ เครื่องวัดค่า pH เครื่องวัดออสซิลโลสโคปเครื่องมือวัดทางกลศาสตร์ (Mechanical Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดค่าทางกลศาสตร์ เช่น แรงดึง แรงบิด แรงอัด แรงเฉือน ความแข็ง ซึ่งชื่อเรียกอุปกรณ์ก็ถูกระบุตามการใช้งาน อาทิ เครื่องวัดแรงดึง เครื่องวัดแรงบิด เครื่องวัดความแข็งเครื่องมือวัดทางเคมี (Chemical Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดค่าทางเคมี เช่น ค่า pH ความหนาแน่น ความเข้มข้น สำหรับเครื่องมือทางเคมีอาจจะไม่เกี่ยวกันกับเครื่องมือวัดอุตสาหกรรม แต่ทั้งนี้รู้จักไว้ก็ไม่เสียหายเช่นกัน เครื่องมือวัดทางกายภาพ (Physical Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดค่าทางกายภาพ เช่น อุณหภูมิ ความดัน ความชื้น ระดับเสียง เทอร์โมมิเตอร์ เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดความชื้น เครื่องวัดระดับเสียง ให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ ถ้าไปหาหมอ คุณจะได้เจอกับเครื่องมือเหล่านี้แน่นอน แบ่งตามความละเอียด ลำดับแรกคือ เครื่องมือวัดความละเอียดสูง (High-Precision Measuring Instruments) โดยจะมีความแม่นยำสูง ละเอียด เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง อย่างเช่น ไมโครมิเตอร์ เครื่องวัดระยะเลเซอร์ เครื่องวัดค่า pH เครื่องวัดความหนาแน่นส่วนเครื่องมือวัดความละเอียดต่ำ (Low-Precision Measuring Instruments) จะมีความแม่นยำปานกลาง ซึ่งจะเหมาะกับงานทั่วไป เช่น เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ตลับเมตร เทอร์โมมิเตอร์ เครื่องวัดความดันสำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อความละเอียดของเครื่องมือวัด จะขึ้นอยู่กับหลักการทำงาน เพราะเครื่องมือวัดบางชนิดมีหลักการทำงานที่แม่นยำและเที่ยงตรงสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ ตัวอย่างเครื่องมือวัดในงานอุตสาหกรรมเวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper) ใช้สำหรับวัดขนาด ความยาว ความกว้าง ความสูง ความหนา เส้นผ่านศูนย์กลางของวัตถุ เหมาะสำหรับงานช่างทั่วไป ที่สำคัญมีทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัล ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) ใช้สำหรับวัดขนาดที่มีความละเอียดสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง มีทั้งแบบวัดนอก วัดใน และวัดลึก แต่ราคาอาจจะสูงกว่าเวอร์เนียคาลิปเปอร์มัลติมิเตอร์ (Multimeter) สำหรับมัลติมิเตอร์จะใช้สำหรับวัดค่าทางไฟฟ้า เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความต้านทาน กำลังไฟฟ้า ใช้ในงานช่างไฟฟ้า และมีทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัลเช่นกัน เครื่องวัดระยะเลเซอร์ (Laser Distance Meter) ใช้สำหรับวัดระยะทางด้วยลำแสงเลเซอร์ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้งานง่าย แต่มีราคาค่อนข้างสูงเครื่องวัดความดัน (Pressure Gauge) เป็นเครื่องมือสำหรับวัดความดัน เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับระบบแรงดัน มีหลายแบบ เช่น แบบเกจเข็ม แบบดิจิทัล ราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นและคุณสมบัติเครื่องวัดระดับ (Level Gauge) ใช้สำหรับวัดระดับของของเหลว เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับถังเก็บของเหลว มีหลากหลายแบบ เช่น แบบทุ่นลอย แบบแม่เหล็ก ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เครื่องวัดอัตราการไหล (Flow Meter) ใช้สำหรับวัดอัตราการไหลของของเหลว เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับระบบท่อ มีหลายแบบ เช่น แบบโรเตอร์ แบบอัลตราโซนิก เครื่องมือวัดเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่าง ยังมีเครื่องมือวัดอีกมากมายที่ใช้ในงานช่างและโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกเครื่องมือวัดให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน ลักษณะของชิ้นงาน ความแม่นยำที่ต้องการ งบประมาณ และความสะดวกในการใช้งาน การเลือกใช้เครื่องมือวัดการเลือกใช้เครื่องมือวัดอุตสาหกรรมที่เหมาะสมนั้น มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นประเภทของงาน โดยต้องพิจารณาว่าต้องการวัดอะไร? (มิติ ไฟฟ้า แรงดัน อุณหภูมิ ฯลฯ) ต้องการความแม่นยำมากน้อยแค่ไหน? และต้องการวัดชิ้นงานแบบไหน? (ขนาด รูปทรง วัสดุ) เป็นต้น ต่อมาจึงพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของเครื่องมือวัด เช่น ช่วงการวัด (Range) ความละเอียด (Resolution) ความแม่นยำ (Accuracy) ฟังก์ชันการใช้งาน ความทนทาน ทั้งนี้ควรเลือกเครื่องมือวัดที่ได้รับรองตามมาตรฐานสากล เช่น ISO, DIN, ASTM มีใบรับรองการสอบเทียบจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ สุดท้ายแล้วการเลือกใช้เครื่องมือวัดที่เหมาะสม จะช่วยให้การทำงานปลอดภัย มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมืออาชีพ มั่นใจทุกงานกับเครื่องมือวัดที่เชื่อถือได้ ครบครันทุกฟังก์ชัน ยกระดับงานช่างของคุณด้วยเครื่องมือวัดที่แม่นยำและทันสมัยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน ช่างมืออาชีพเลือกใช้เครื่องมือวัดคุณภาพจากเรา ติดต่อเลย

2024-04-12
เครื่องมือวัดที่ใช้ในงานช่างหรือโรงงานอุตสาหกรรม

เครื่องมือวัดที่ใช้ในงานช่างหรือโรงงานอุตสาหกรรม ในโลกของงานช่างและโรงงานอุตสาหกรรม "เครื่องมือวัด" เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ช่างผู้ชำนาญและวิศวกรผู้มากประสบการณ์ทำงานได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ บทความนี้จึงขอพาทุกท่านก้าวเข้าสู่โลกของเครื่องมือวัด เรียนรู้ประเภท การใช้งาน และวิธีเลือกเครื่องมือวัดให้เหมาะสมกับงานทั้งนี้ก่อนที่จะเข้าไปถึงเนื้อหา หลายคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมเครื่องมือวัดจึงสำคัญ? ให้คุณลองจินตนาการว่าช่างจะสร้างบ้านได้อย่างไรหากไม่มีตลับเมตร? หรือวิศวกรจะออกแบบเครื่องยนต์ได้อย่างไรหากไม่มีไมโครมิเตอร์? ฉะนั้นเครื่องมือวัดจึงเป็นเครื่องมือช่างที่ช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาด และสร้างผลงานที่มีคุณภาพ ประเภทของเครื่องมือวัดพื้นฐานสำหรับเครื่องมือวัดมีหลากหลายประเภท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะการวัด หัวข้อนี้นำเสนอประเภทของเครื่องมือวัดที่ใช้กันทั่วไป ดังนี้ 1. แบ่งตามลักษณะการวัด โดยเครื่องมือวัดพื้นฐานสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่เครื่องมือวัดมิติ (Dimensional Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดขนาด ความยาว ความกว้าง ความสูง ความหนา เส้นผ่านศูนย์กลางของวัตถุ และเครื่องมือวัดที่เรารู้จักกันก็คงจะเป็นเวอร์เนียคาลิปเปอร์ ไมโครมิเตอร์ เครื่องวัดระยะเลเซอร์ ตลับเมตร เครื่องวัดมุม เป็นต้น เครื่องมือวัดทางไฟฟ้า (Electrical Measuring Instruments) ในส่วนนี้จะใช้สำหรับวัดค่าทางไฟฟ้า เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความต้านทาน กำลังไฟฟ้า อาทิ มัลติมิเตอร์ แคลมป์มิเตอร์ เครื่องวัดค่า pH เครื่องวัดออสซิลโลสโคปเครื่องมือวัดทางกลศาสตร์ (Mechanical Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดค่าทางกลศาสตร์ เช่น แรงดึง แรงบิด แรงอัด แรงเฉือน ความแข็ง ซึ่งชื่อเรียกอุปกรณ์ก็ถูกระบุตามการใช้งาน อาทิ เครื่องวัดแรงดึง เครื่องวัดแรงบิด เครื่องวัดความแข็งเครื่องมือวัดทางเคมี (Chemical Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดค่าทางเคมี เช่น ค่า pH ความหนาแน่น ความเข้มข้น สำหรับเครื่องมือทางเคมีอาจจะไม่เกี่ยวกันกับเครื่องมือวัดอุตสาหกรรม แต่ทั้งนี้รู้จักไว้ก็ไม่เสียหายเช่นกัน เครื่องมือวัดทางกายภาพ (Physical Measuring Instruments) ใช้สำหรับวัดค่าทางกายภาพ เช่น อุณหภูมิ ความดัน ความชื้น ระดับเสียง เทอร์โมมิเตอร์ เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดความชื้น เครื่องวัดระดับเสียง ให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ ถ้าไปหาหมอ คุณจะได้เจอกับเครื่องมือเหล่านี้แน่นอน 2. แบ่งตามความละเอียด ลำดับแรกคือ เครื่องมือวัดความละเอียดสูง (High-Precision Measuring Instruments) โดยจะมีความแม่นยำสูง ละเอียด เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง อย่างเช่น ไมโครมิเตอร์ เครื่องวัดระยะเลเซอร์ เครื่องวัดค่า pH เครื่องวัดความหนาแน่น ส่วนเครื่องมือวัดความละเอียดต่ำ (Low-Precision Measuring Instruments) จะมีความแม่นยำปานกลาง ซึ่งจะเหมาะกับงานทั่วไป เช่น เวอร์เนียคาลิปเปอร์ ตลับเมตร เทอร์โมมิเตอร์ เครื่องวัดความดัน สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อความละเอียดของเครื่องมือวัด จะขึ้นอยู่กับหลักการทำงาน เพราะเครื่องมือวัดบางชนิดมีหลักการทำงานที่แม่นยำและเที่ยงตรงสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ ตัวอย่างเครื่องมือวัดในงานอุตสาหกรรม 1. เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper)เวอร์เนียคาลิปเปอร์มีลักษณะเหมือนไม้บรรทัดมีหัววัดปรับเลื่อนได้ ใช้สำหรับวัดขนาด ความยาว ความกว้าง ความสูง ความหนา เส้นผ่านศูนย์กลางของวัตถุ สามารถใช้วัดได้ทั้งภายนอกและภายในวัตถุ มีสเกลการวัดที่ละเอียดอ่านค่าได้ทั้งเป็นมิลลิเมตรและนิ้ว มีทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัล ใช้งานได้หลากหลายแบบ เช่น การวัดขนาดของชิ้นงาน ตรวจสอบคุณภาพการผลิต การขยายตัวของโลหะในการทดลอง 2. เครื่องมือตรวจหากระแสไฟฟ้า (Electronic test and measurement)อุปกรณ์สำหรับใช้การตรวจหากระแสไฟฟ้า ตรวจเช็คระบบไฟฟ้า ตรวจหาจุดไฟฟ้ารั่ว ซึ่งอุปกรณ์สพหรับตรวจหากระแสไฟฟ้ามีหลายชนิด อย่างเช่น แคลมป์มิเตอร์ ที่สามารถวัดสระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายไฟโดยไม่ต้องหยุดการทำงาน สามารถตรวจหาไฟฟ้ารั่วได้อย่างแม่นยำ ตัวเครื่องมีลักษณะเป็นด้ามจับแล้วมีปากคีบสำหรับใช้ในการวัดต่างๆปากกาวัดไฟ เป็นอุปกรณ์สำหรับตรวจว่าบริเวณนั้นมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลหรือไม่ ใช้ตรวจสอบก่อนตรวจเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่างๆเพื่อความปลอดภัยว่าไม่มีไฟฟ้ารั่ว เป็นอุปกรณ์สามัญสำหรับช่างไฟฟ้า มีขนาดกระทัดรัดพกพาง่าย 3. มัลติมิเตอร์ (Multimeter)สำหรับมัลติมิเตอร์จะใช้สำหรับวัดค่าทางไฟฟ้ามีทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัล ใช้ในการวัดทางไฟฟ้าได้หลากหลาย เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความต้านทาน กำลังไฟฟ้า ความต่างศักย์ สามารถใช้ได้ทั้งไฟฟ้ากระแสตรงและกระแสสลับ บางเครื่องอาจสะสามารถวัดค่าอื่นๆได้อีกตามความสามารถของเครื่องหรือรุ่นที่ใช้งาน มัลติมิเตอร์มักใช้ในงานไฟฟ้า งานอุตสาหกรรม งานอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องการความละเอียดสูงมาก 4. เครื่องวัดระยะเลเซอร์ (Laser Distance Meter)ใช้สำหรับวัดระยะทางด้วยลำแสงเลเซอร์ โดยใช้หลักการการยิงเลเซอร์ไปที่เป้าหมายแล้ววัดสัญญาณที่สะท้อนกลับมา ทำให้การวัดมีความแม่นยำมาก นอกจากนี้ยังสามารถวัดพื้นที่และปริมาตรได้ด้วย เครื่องวัดระยะเลเซอร์จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำมากๆ เช่น การติดตั้งเครื่องจักร การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ 5. ฟิลเลอร์เกจ (Feeler gauge)ฟิลเลอร์เกจ หรือ เกจวัดความหนา เป็นเครื่องมือสำหรับวัดความหน้าระหว่างช่องว่างของวัตถุที่ประกบกัน เช่น ช่องว่างระหว่างแผ่นเหล็ก นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตรวจสอบการแอ่นและการโก่งของแผ่นเหล็กได้ โดยวิธีการใช้งานจะใช้ใบเกจสอดเขาไประหว่างช่องว่างจนใส่เข้าไปไม่ได้อีกแล้ววัดค่าที่ได้ 6. เครื่องวัดระดับ (Precision Level)เครื่องวัดระดับหรืออาจจะเรียกว่าไม้วัดระดับน้ำ มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมภายในเป็นหลอดใสมีน้ำและฟองอากาศ เป็นเครื่องสำหรับใช้ตรวจความเอียงของพื้นที่ สามารถตรวจสอบได้ทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง มักใช้ในงานติดตั้งอุปกรณ์เครื่องจักร งานก่อสร้าง การทำถนน 7. เครื่องวัดความเร็วรอบ (Tachometer)เครื่องวัดความเร็วรอบ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดความในการหมุนของวัตถุ เช่น การวัดรอบการหมุนของ เครื่องจักร เครื่องยนต์ มอเตอร์ เครื่องวัดความเร็วรอบมีทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีแบบสัมผัสกับไม่สัมผัส 8. เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น (Temperature Humidity Meter)ใช้ในการวัดอุณหภูมิและความชื้นของสิ่งต่างๆ ซึ่งเครื่องวัดอุณหภูมินั้นมีหลายชนิด เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟาเรด เครื่องวัดอุณหภูมิดิจิทัล กล้องภาพภาพความร้อน ซึ่งเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นถูกใช้ในงานที่หลากหลาย เช่น การวัดอุณภูมิเครื่องจักรไม่ให้ร้อนเกิน การวัดอุณภูมิของโรงงานให้เหมาะแก่การทำงานของพนักงาน การวัดอุณหภูมิในห้องเก็บสารเคมีหรือในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องมือวัดเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่าง ยังมีเครื่องมือวัดอีกมากมายที่ใช้ในงานช่างและโรงงานอุตสาหกรรม การเลือกเครื่องมือวัดให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน ลักษณะของชิ้นงาน ความแม่นยำที่ต้องการ งบประมาณ และความสะดวกในการใช้งาน การเลือกใช้เครื่องมือวัดการเลือกใช้เครื่องมือวัดอุตสาหกรรมที่เหมาะสมนั้น มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นประเภทของงาน โดยต้องพิจารณาว่าต้องการวัดอะไร? (มิติ ไฟฟ้า แรงดัน อุณหภูมิ ฯลฯ) ต้องการความแม่นยำมากน้อยแค่ไหน? และต้องการวัดชิ้นงานแบบไหน? (ขนาด รูปทรง วัสดุ) เป็นต้น ต่อมาจึงพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของเครื่องมือวัด เช่น ช่วงการวัด (Range) ความละเอียด (Resolution) ความแม่นยำ (Accuracy) ฟังก์ชันการใช้งาน ความทนทาน ทั้งนี้ควรเลือกเครื่องมือวัดที่ได้รับรองตามมาตรฐานสากล เช่น ISO, DIN, ASTM มีใบรับรองการสอบเทียบจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ สุดท้ายแล้วการเลือกใช้เครื่องมือวัดที่เหมาะสม จะช่วยให้การทำงานปลอดภัย มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมืออาชีพ มั่นใจทุกงานกับเครื่องมือวัดที่เชื่อถือได้ ครบครันทุกฟังก์ชัน ยกระดับงานช่างของคุณด้วยเครื่องมือวัดที่แม่นยำและทันสมัยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน ช่างมืออาชีพเลือกใช้เครื่องมือวัดคุณภาพจาก Jenstore นอกจากเครื่องมือวัดยังมีเครื่องมือช่างอื่นๆ เช่น เครื่องมือไฟฟ้า เครื่องมือเชื่อมและตัด เครื่องมือลม สามารถเข้ามาเลือกดูได้

2024-04-11
หมวกนิรภัย หมวกเซฟตี้ มีกี่ประเภท เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

การทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หมวกนิรภัยคืออุปกรณ์สำคัญที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจำเป็นต้องสวมใส่เพื่อป้องกันอันตรายบริเวณศีรษะ อย่างไรก็ตามหมวกนิรภัยนั้นมีหลายแบบ การเลือกใช้หมวกนิรภัยให้เหมาะกับลักษณะการทำงานจะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงได้อีกมาก ประเภทของหมวกนิรภัยที่ใช้งานในปัจจุบัน1. หมวกนิรภัย ชนิด Class Gหมวกนิรภัยประเภทแรกใช้สวมใส่เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าแรงดันต่ำ คุณสมบัติสำคัญคือสามารถต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับไม่ต่ำกว่า 2,200 โวลต์ ระดับความถี่ 50 Hz ได้ 1 นาที ค่าเฉลี่ยการกระแทกส่งผ่านต้องไม่เกิน 3,781 นิวตัน สามารถรับแรงกระแทกสูงสุดได้ไม่เกิน 4,448 นิวตัน ทนต่อแรงเจาะหรือรอยเจาะ ได้ลึกไม่เกิน 10 มม. หมวกนิรภัยชนิดนี้นิยมใช้กับงานก่อสร้าง งานเดินระบบไฟฟ้าทั่วไป2. หมวกนิรภัย ชนิด Class Eหมวกนิรภัยประเภทต่อมาจะนิยมสวมใส่เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าแรงดันสูง ลดความเสี่ยงในการได้รับอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิต ทำหน้าที่ต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับไม่ต่ำกว่า 20,000 โวลต์ ระดับความถี่ 50 Hz ได้ 3 นาที ค่าเฉลี่ยการกระแทกส่งผ่านต้องไม่เกิน 3,781 นิวตัน สามารถรับแรงกระแทกสูงสุดได้ไม่เกิน 4,448 นิวตัน ทนต่อแรงเจาะหรือรอยเจาะ ได้ลึกไม่เกิน 10 มม. หมวกนิรภัยชนิดนี้นิยมใช้กับงานเดินระบบไฟฟ้าแรงสูง หรือพื้นที่ซึ่งมีการติดตั้ง ซ่อมแซมไฟฟ้าแรงสูง3. หมวกนิรภัย ชนิด Class Cหมวกนิรภัยประเภทนี้ไม่มีคุณสมบัติในการทนแรงดันไฟฟ้า เพราะผลิตจากวัสดุในกลุ่มโลหะ ค่าเฉลี่ยการกระแทกส่งผ่านต้องไม่เกิน 3,781 นิวตัน สามารถรับแรงกระแทกสูงสุดได้ไม่เกิน 4,448 นิวตัน ทนต่อแรงเจาะหรือรอยเจาะ ได้ลึกไม่เกิน 10 มม. หมวกนิรภัยชนิดนี้นิยมใช้กับงานในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน หรืองานประเภทการขุดเจาะน้ำมันต่าง ๆ4. หมวกนิรภัย ชนิด Class Dหมวกนิรภัยประเภทสุดท้าย แม้ไม่ได้ทนต่อแรงดันไฟฟ้าแต่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องการทนความร้อนสูงเพราะผลิตจากพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส ไม่ลามไฟ และบางครั้งหากติดไฟไม่รุนแรงก็สามารถดับเองได้ ค่าเฉลี่ยการกระแทกส่งผ่านต้องไม่เกิน 3,781 นิวตัน สามารถรับแรงกระแทกสูงสุดได้ไม่เกิน 4,448 นิวตัน ทนต่อแรงเจาะหรือรอยเจาะ ได้ลึกไม่เกิน 10 มม. ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวหมวกนิรภัยชนิดนี้จึงนิยมใช้กับงานประเภทดับเพลิง งานเหมือง เป็นต้นข้อมูลเพิ่มเติมที่ควรรู้เกี่ยวกับหมวกนิรภัยโดยเฉลี่ยแล้วหมวกนิรภัยทุกประเภทหากผลิตได้ตามมาตรฐานสามารถใช้งานได้ยาวนานระดับ 3-5 ปีก่อนการใช้งานทุกครั้งต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของหมวกเสมอ กรณีเจอรอยแตกร้าว หรือรอยถลอกต้องเปลี่ยนใบใหม่ทันที อย่าฝืนใช้งานหมวกใบดังกล่าวเป็นอันขาด เพราะอุปกรณ์ที่เสียหายจะมีคุณสมบัติในการป้องกันลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อตัวผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงการวางหมวกนิรภัยเอาไว้บริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง หรือพื้นที่มีฝนตก เพื่อคงคุณสมบัติในการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพอยู่เสมอ แนะนำให้เก็บไว้ในตู้หรือบริเวณพื้นที่ร่มทั่วไปจะดีที่สุดในการทำความสะอาดหมวกนิรภัยเพียงแค่เช็ดด้วยผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ตามด้วยผ้าแห้งอีกรอบก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือสารเคมีใดทั้งสิ้น เพราะอาจทำให้ตัววัสดุลดประสิทธิภาพการป้องกันลงได้นอกจากหมวกนิรภัยแล้วควรเลือกใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยหรือ PPE สำหรับส่วนอื่นๆของร่างกายด้วยเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่อันตราย การใช้งานหมวกนิรภัยและอุปกรณ์ความปลอดภัยป้องกันร่างกายต่างๆเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ไม่อาจมองข้าม เพราะความประมาทแม้เพียงเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นการเลือกใช้หมวกนิรภัยและ PPE ให้ตรงกับการใช้งาน จะสามารถช่วยป้องกันได้มากขึ้น สามารถเข้ามาเลือกซื้ออุปกรณ์ป้องกัน อุปกรณ์เซฟตี้ได้ที่ Jenstore

2024-03-04
ถังดับเพลิงสีเขียว คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไร

“ถังดับเพลิง” ถือเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่มีความสำคัญอย่างมาก แทบทุกพื้นที่ต้องทำการติดตั้งเอาไว้เพื่อใช้ระงับเหตุไม่คาดฝันเกี่ยวกับอัคคีภัยหรือไฟไหม้ อย่างไรก็ตามชนิดของถังดับเพลิงที่หลายคนคุ้นตามักเป็นสีแดง แต่ในความเป็นจริงยังมีถังดับเพลิงอีกหลายสี ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีฟ้า สีเงิน สีเขียว ซึ่งถังดับเพลิงสีเขียวคือ ถังดับเพลิงอีกประเภทที่ได้รับความนิยมและถูกใช้งานบ่อยครั้ง แต่ความเป็นจริงแล้วเพลิงไหม้มีหลายประเภทจากการเผาไหม้วัสดุที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เพลิงไหม้จากวัสดุทั่วไป สารอันตรายและของเหลวไวไฟ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ โลหะติดไฟได้ และเพลิงไหม้จากการประกอบอาหาร เป็นต้น มาดูกันว่าถังดับเพลิงสีเขียว คืออะไร แตกต่างจากถังดับเพลิงประเภทอื่นอย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ใช้งานอย่างถูกต้องตอบข้อสงสัย ถังดับเพลิงสีเขียว คืออะไรถังดับเพลิงสีเขียว คือ ถังดับเพลิงที่บรรจุน้ำยาเหลวระเหย หรือ Clean Agent ซึ่งมีความสะอาด ปราศจากสี สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ส่งผลกระทบต่อตัวบุคคลและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเมื่อมีการใช้งาน สารดังกล่าวจะระเหยหายไปในอากาศทันทีจึงไม่หลงเหลือคราบตกค้างใด ๆถังดับเพลิงสีเขียวเป็นหนึ่งในประเภทของถังดับเพลิงสำหรับใช้ระงับเหตุไฟไหม้และอัคคีภัยที่มีสาเหตุจากเพลิงไหม้ชนิด A, B และ C ซึ่งเพลิงไหม้แต่ละชนิด มีความหมายดังนี้เพลิงไหม้ชนิด A มีสาเหตุจากเชื้อเพลิงทั่วไป เช่น ไม้ กระดาษ ผ้า พลาสติก ติดไฟง่าย พบเจอได้ทั่วไปเพลิงไหม้ชนิด B มีสาเหตุจากของเหลวติดไฟได้ เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันหล่อลื่น สารอันตรายและของเหลวไวไฟวัตถุไวไฟทั้งหลาย ส่วนมากมักอยู่ในบริเวณโรงงานอุตสาหกรรมหลายประเภทเพลิงไหม้ชนิด C มีสาเหตุจากอุปกรณ์ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ หรืออธิบายง่าย ๆ คือ เพลิงไหม้จากกลุ่มไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว จุดเด่นของถังดับเพลิงสีเขียวจากคำอธิบายข้างต้น จะสังเกตเห็นว่าถังดับเพลิงสีเขียว มีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างจากถังดับเพลิงประเภทอื่นคือการใช้น้ำยาเหลวระเหย ไม่ทิ้งคราบตกค้าง ไม่สร้างมลพิษหรือผลกระทบกับสิ่งของโดยรอบ นั่นทำให้ส่วนใหญ่มักพบเจอถังดับเพลิงดังกล่าวติดตั้งไว้ตามบริเวณพื้นที่ที่มีทรัพย์สินมูลค่าสูง เช่น เครื่องจักรในโรงงาน ห้องเซิร์ฟเวอร์ ตู้เซฟธนาคาร ห้องทดลอง ฯลฯ เมื่อต้องใช้งาน สารที่ฉีดพ่นออกมาจะไม่เป็นกรด ไม่เกิดคราบ ไม่ทำให้ทรัพย์สินเสียหายมากกว่าเดิมชนิดของถังดับเพลิงสีเขียวที่ใช้งานในปัจจุบัน1. ถังดับเพลิงสีเขียวชนิดฮาโลตรอน (Halotron)น้ำยาฮาโลตรอนจัดอยู่ในกลุ่มน้ำยาเหลวระเหยที่มีสาร HCFC-123 เป็นส่วนประกอบหลัก แม้ไม่มีสี ไม่ติดไฟ แต่มีผลกระทบโดยตรงกับชั้นบรรยากาศของโลกรวมถึงภาวะเรือนกระจก เดิมทีจะถูกใช้งานเพื่อทดแทนสารฮาลอน 1211 ทว่าด้วยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี หลายประเทศทั่วโลกต่างพยายามลดการใช้งานถังดับเพลิงสีเขียวชนิดนี้ ซึ่งประเทศไทยจะหยุดการนำเข้าจากอเมริกาในปี 20302. ถังดับเพลิงสีเขียวชนิดน้ำยาเหลวระเหย HFC-236faน้ำยาเหลวระเหย HFC-236fa จัดอยู่ในกลุ่มน้ำยาสะอาด ไม่เกิดคราบ ไม่เป็นกรด ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม มีความเป็นพิษต่ำมาก ผ่านการรับรองมาตรฐาน UL-Listed Standard ส่วนมากมักติดตั้งไว้ในบริเวณที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ห้องเซิร์ฟเวอร์ ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องควบคุมไฟฟ้า หากต้องฉีดเพื่อดับเพลิงสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ส่งผลเสียหายต่ออุปกรณ์โดยรอบ3. ถังดับเพลิงสีเขียวชนิดน้ำยาเหลวระเหย BF2000ถังดับเพลิงสีเขียวชนิดนี้ภายในมีการบรรจุน้ำยาเหลวระเหยประเภท NON CFC เนื่องจากเพลิงไหม้จะขยายความรุนแรงตามปริมาณออกซิเจนโดยรอบต้นเพลิง ฉะนั้นสารดังกล่าวจะเข้าไปแทนที่ออกซิเจนเพื่อตัดการไหลเวียนของอากาศบริเวณที่กำลังเกิดเพลิงไหม้ น้ำยาเหลวระเหยชนิดนี้ ถือว่าเป็นสารสะอาด ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ทิ้งคราบ และยังไม่มีผลกระทบใด ๆ กับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม นิยมใช้กับทุกพื้นที่ตั้งแต่บ้านเรือน โรงงาน โรงพยาบาล โรงเรียน ไปจนถึงหน่วยงานต่าง ๆ ถังดับเพลิงเป็นอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยที่จำเป็นอย่างมาก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่จะดีกว่ามากหากมีการจัดเก็บวัตถุไวไฟหรือวัตถุอันตรายไว้ใน ตู้เก็บสารอันตรายหรือสารไวไฟ ซึ่งเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดอัคคีภัยตั้งแต่ต้น ถ้าต้องการถังดับเพลิงและตู้เก็บสารอันตรายสามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่ Jenstore จำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงป้องกันอัคคีภัย เช่น ถังดับเพลิง ผ้าห่มกันไฟ ป้ายทางหนีไฟ อุปกรณ์ป้องกันและจัดเก็บสารเคมี และสินค้าในการดำเนินธุรกิจอีกกว่า 10,000 รายการ

2024-03-04
การใช้บันไดอย่างปลอดภัย ลดการเกิดอันตรายต่อตนเองและคนรอบข้าง

อุปกรณ์อย่างบันไดถือเป็นเครื่องมือช่างที่มีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะกับงานก่อสร้าง ซ่อมแซม หรือแม้แต่การต่อเติม งานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่สูงต่าง ๆ การใช้บันไดอลูมิเนียมหรือบันไดต่างๆ อย่างปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ลดโอกาสเสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา หากโชคไม่ดีอาจถึงขั้นพิการและเสียชีวิตกันเลยทีเดียว ซึ่งการใช้บันไดที่ดีต้องเป็นยังไงบ้าง ขอพาทุกคนมาหาข้อมูลกันเลยประเภทบันไดที่นิยมใช้ในงานช่างบันไดเองก็มีหลายชนิดตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบันไดอลูมิเนียม เพราะเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบาช่วยให้เคลื่อนย้ายบันไดได้ง่าย แต่บันไดที่ผลิตจากวัสดุอื่นก็มี เช่น เหล็ก สแตนเลส ไฟเบอร์กลาส 1. บันไดทรงเอ (Step Ladder)ลักษณะบันไดเมื่อกางตั้งออกมาแล้วจะคล้ายกับอักษร A มีขาวางตั้งบนพื้น 2 ข้าง (4 ขา) กางออกจากกัน มักเป็นบันไดอลูมิเนียม ถือเป็นประเภทบันไดที่พบเจอได้บ่อยมากเพราะสะดวกต่อการใช้ เคลื่อนย้ายง่าย ไม่จำเป็นต้องมีผนังใด ๆ สำหรับพาด ทว่าหากมีการใช้ระดับสูงมากก็ต้องระวังอันตรายอยู่พอสมควร2. บันไดยืด (Extension Ladder)บางคนจะคุ้นชินกับคำว่า “บันไดพาด” ซึ่งความหมายก็ไม่แตกต่างกัน ลักษณะจะเป็นบันไดอลูมิเนียมแบบท่อนเดียวตรง แต่ละขั้นจะถูกยึดไว้กับขาบันไดแค่ 2 ฝั่ง การใช้งานต้องพาดบนผนังเป็นหลัก ยกเว้นบางกรณีที่ต้องพาดระหว่างทาง 2 ฝั่ง สำหรับใช้เดินข้าม (แต่ไม่นิยมให้ทำหากไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินเพราะอันตรายมาก) มักมีความยาวเพื่อการใช้งานบนที่สูงมาก ๆ จากพื้น3. บันไดสเต็ป (Step Stool)เป็นบันไดที่มีจำนวนขั้นไม่มากอยู่ที่ 2 - 3 ขั้นเท่านั้น เพื่อใช้งานในการหยิบสิ่งของที่ไม่สูงมากนัก มักใช้งานในลักษณะ หยิบหนังสือในห้องสมุด หยิบสิ่งของบนชั้นวาง บันไดสเต็ปมีทั้งแบบบันไดอลูมิเนียม พลาสติก เหล็ก ไม้ ให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม4. บันไดไฟเบอร์กลาส (Fiberglass Ladder)เป็นบันไดที่ผลิตจากไฟเบอร์กลาส มีคุณสมบัติในการไม่นำไฟฟ้าและทนความร้อนได้สูง บันไดไฟเบอร์กลาสจึงเหมาะสมกับงานที่มีความเกี่ยวข้องกับไฟฟ้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ บันไดไฟเบอร์กลาสจะมีราคาสูงกว่าบันไดอลูมิเนียม5. บันได 4 ท่อน (Multi-Purpose Ladder)บางคนอาจจะเรียกว่า บันไดอเนกประสงค์ เพราะ บันได 4 ท่อน เป็นบันไดอลูมิเนียมที่ใช้งานได้หลากหลาย โดยตัวบันไดจะเป็นบันไดพับเป็น 4 ท่อน เมื่อกางออกก็จะได้บันไดที่มีความยาวมาก สามารถนำกางออกเป็นบันไดทรง บันไดพาด หรือ บันไดนั่งร้านก็ได้ และเมื่อไม่ใช้งานหรือต้องการเคลื่อนย้ายก็พับเก็บทำให้ใช้งานได้สะดวกความปลอดภัยในการใช้บันไดเบื้องต้นความปลอดภัยในการใช้บันไดเรื่องแรกต้องตั้งบันไดให้อยู่บนพื้นที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี แข็งแรง เรียบเสมอกัน หรือไม่มีขาบันไดข้างหนึ่งเอนเอียง ลองจับก่อนปีนขึ้นไปแล้วต้องไม่โยกเยกแต่งตัวให้เหมาะสม พยายามไม่มีสิ่งของมากเกินจำเป็น และสวมเสื้อผ้าที่กระชับกับตัว พยายามอย่าให้มีช่องหรือตะขอไปเกี่ยวขณะอยู่บนบันไดทุกครั้งที่ไต่ขึ้น-ลงบันไดต้องมีสมาธิ สายตา ขา มือ เท้า ต้องประสานการทำงานอย่างลงตัว พยายามจับราวบันไดให้แน่นแต่อย่าทิ้งน้ำหนักมากเกิน เพิ่มความมั่นคงให้กับบันไดด้วยการใช้งานบันไดไม่ว่าบันไดแบบไหนก็ตาม ควรขึ้น-ลงไม่เกินครั้งละ 1 คน หรือไม่เกินการรองรับน้ำหนักมาตรฐานที่ตัวบันไดสามารถทำได้การยืนทำงานบนบันไดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำโดยเฉพาะกับพื้นที่สูง ควรประเมินลักษณะงานให้ดีถ้าต้องยืนจริง ๆ ก็ไม่ควรเกิน 15-20 นาที การใช้บันไดอย่างปลอดภัยต้องไม่มีการเล่น หยอกล้อ หรือกลั่นแกล้งกันในระหว่างที่มีคนหนึ่งปีนอยู่บนบันไดเป็นอันขาดตรวจสอบสภาพของบันไดก่อนใช้งานว่ายังคงรองรับน้ำหนักได้ตามปกติ ไม่มีจุดไหนแตกหัก มีรอยร้าวเสียหาย หากพบการชำรุดต้องรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันทีอย่าฝืนใช้งานเป็นอันขาดอย่าปีนขึ้นไปชั้นบนสุดของบันไดไม่ว่าจะเป็นบันไดประเภทไหนก็ตาม เพราะการปีนดังกล่าวนั่นหมายถึงคุณจะไม่มีที่ยึดจับใด ๆ ให้กับมือของตนเองแล้วรูปแบบการทำงานขณะใช้บันไดต้องมีความปลอดภัยสูง เช่น ไม่มีการเอื้อมมือ เอื้อมตัวออกห่างจากบันได ไม่แบกของหนัก การเคลื่อนไหวตัวเร็ว ๆ เมื่ออยู่บนบันไดขั้นสูง หรือใช้แรงเยอะ ๆ ขณะที่กำลังอยู่บนบันได เป็นต้นกรณีใช้บันไดทรงเอห้ามพับเก็บให้ 2 ด้านชิดกันแล้วพาดผนังทำเหมือนการปีนบันไดยืดเด็ดขาด เพราะโอกาสที่ตัวบันไดจะรับน้ำหนักไม่ไหวและล้มมีสูงมากด้วยการออกแบบไม่ได้ถูกทำมาเพื่อใช้ในลักษณะดังกล่าวหากต้องปีนบันไดขั้นสูงมาก ๆ ไม่แนะนำให้ทำงานเพียงลำพังด้วยตนเองคนเดียว เพราะกรณีเกิดเรื่องไม่คาดฝันก็ยังมีเพื่อนคอยดูแลนี่ถือเป็นวิธีง่าย ๆ ในการใช้บันไดอลูมิเนียมหรือบันไดต่างๆ อย่างปลอดภัยสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่ช่างหรือคนที่ต้องทำงานด้วยการปีนขึ้นไปบนที่สูงเท่านั้น แต่คนทั่วไปที่นาน ๆ ต้องใช้บันไดสักครั้งก็อย่ามองข้ามความปลอดภัยของการใช้บันไดเป็นอันขาด เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เจ็บตัว เสียเงินค่ารักษาพยาบาล เสียเวลา บางคนอาจถึงขั้นโชคร้ายพิการและเสียชีวิตได้เลย ปลอดภัยไว้ก่อนคำนี้ยังคงใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมเสมอ หากสนใจบันไดประเภทต่างๆทั้ง บันไดอลูมิเนียม บันได 4 ท่อน บันไดทรงเอ สามารถเข้ามาดูได้ที่ Jenstore มีบันไดหลากหลายรูปแบบให้ท่านเลือกซื้อ

2024-03-04
×
สายด่วนสั่งซื้อสินค้า บริการจัดหาสินค้า สินค้าสั่งทํา 02 096 9999
บริการหลังการขาย 02 096 9898
ต่อ 3102-3103
ไลน์ @jenstore
เวลาทําการ 08.30 - 17.30 น.
Copy to Clipboard